เตือนผู้ผลิตไทยรับมือกฎระเบียบว่าด้วยวัสดุสัมผัสอาหารฉบับใหม่ของอียู
นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2554 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ลงมติรับรองกฎระเบียบฉบับใหม่ (Commission Regulation (EU) No. 10/2011 of 14 January 2011) ว่าด้วยการใช้พลาสติกและวัสดุที่สัมผัสอาหาร เช่น ยาง ซิลิโคน และสาร ion exchange resins
โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 และจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป ทั้งนี้ EU ให้ระยะเวลาปรับตัวในการปฏิบัติให้สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎระเบียบดังกล่าวระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2558
กฎระเบียบใหม่ดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นสาระสำคัญโดยสรุปคือ
1.ขยายขอบเขตของพลาสติกที่เป็นวัสดุสัมผัสอาหาร ให้รวมถึง plastic layers in multi material layer materials and articles
2.รวบรวมบัญชีรายชื่อสารที่อนุญาตให้ใช้เป็นวัสดุสัมผัสอาหารได้ ซึ่งมีทั้งสิ้นจำนวน 885 รายการ รวมทั้งระบุค่า Specific migration limits (SML) ของสารบางรายการด้วย เนื่องจากอาจมีการถ่ายเทไปสู่อาหาร สำหรับสารที่ไม่ได้ระบุค่า SML ให้กำหนดค่า migration ได้ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ทั้งนี้ องค์ประกอบในพลาสติกต้องไม่ถ่ายเทไปสู่อาหารในปริมาณเกิน 60 มิลลิกรัมต่อพื้นที่สัมผัสอาหาร 1 ลูกบาศก์เซ็นติเมตร
3. จำกัดการใช้โลหะและวัสดุบางชนิด เช่น แบเรียม เหล็ก สังกะสี รวมทั้งระบุปริมาณขั้นต่ำที่อนุญาตให้ถ่ายเทสู่อาหาร
4. ข้อกำหนดในการทดสอบการถ่ายเทของสารและการเคลื่อนย้ายของสารจากบรรจุภัณฑ์สู่อาหาร (Migration Test)
5. เก็บรักษาเอกสารข้อมูลในแต่ละขั้นตอนการผลิต เพื่อพิสูจน์ว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ของกฎระเบียบดังกล่าวและสามารถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อได้รับการร้องขอ
นายสุรศักดิ์ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า อียูจะบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตสินค้าจะต้องตรวจสอบวัสดุที่ใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารมีการถ่ายเทไปสู่อาหารเกินระดับความปลอดภัยหรือไม่ รวมทั้งวิธีการทดสอบการถ่ายเทของสารและการเคลื่อนย้ายสารจากบรรจุภัณฑ์สู่อาหารด้วย อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยยังมีเวลาเตรียมความพร้อมในการปรับเปลี่ยนการผลิตเพื่อใช้สารหรือวัสดุสัมผัสอาหารที่อียูอนุญาตให้ใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558