แสนสิริรุกไตรมาสแรก ปี 54 เปิด 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,700 ล้านบาท เตรียมโรดโชว์นักลงทุนใน-นอกประเทศ มั่นใจเพิ่ม Back log ได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท
แสนสิริรุกไตรมาสแรก ปี 54 เปิด 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,700 ล้านบาท เตรียมโรดโชว์นักลงทุนใน-นอกประเทศ มั่นใจเพิ่ม Back log ได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท
แสนสิริเผยแผนการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1/53 เปิดตัว 8 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 8,700 ล้านบาท พร้อมลุ้นผลประกอบการปี 53 ส่งสัญญาณดีต่อเนื่อง เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เตรียมแผนโรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศตลอดทั้งปี
มั่นใจยอดขายล่วงหน้า (Pre-sale Back Log) ในระบบกว่า 30,000 ล้านบาท เป็นหลักประกันที่ดีของการสร้างกำไรในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ขณะที่โบรกเกอร์ชงราคาซื้อขาย P/E ต่ำ รวมทั้งคาดการณ์ว่าจะสามารถคงอัตราดิวิเดนด์ยีลด์สูงเกือบ 10% ต่อเนื่อง เหตุได้แรงหนุนกำไรเติบโต
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 นี้ จะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ประมาณ 8 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 3 โครงการ มูลค่าการโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท
โครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,800 ล้านบาท รวมทั้งการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์อีกประมาณ 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,400 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการที่จะพัฒนาใหม่ทั้งสิ้น ประมาณ 8,700 ล้านบาท
“แผนการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 มีกลยุทธ์ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจมีความแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จ ได้แก่ การสานต่อการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านเดี่ยว และโครงการทาวน์เฮาส์ที่จะเกิดขึ้นอีกหลายโครงการ
รวมทั้งการขยายฐานการพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจรผ่านบริษัทในเครือต่างๆ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้จากการที่กลุ่มแสนสิริมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้อีกประมาณ 30,000 ล้านบาท เป็นหลักประกันที่ดีของการสร้างกำไรในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า และเป็นแหล่งที่มาของกระแสเงินสดที่ดี” นายเศรษฐา กล่าว
และจากความสำเร็จในการสร้างยอดขายได้กว่า 27,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา รวมถึงผลจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดีอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้แสนสิริ สามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงกว่าปี 2552 ซึ่งจ่ายเงินปันผลที่ 0.52 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมแผนเดินหน้า Road Show แก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนอีกด้วย
อนึ่ง ที่ผ่านมาบริษัท หลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ราคาซื้อขายหุ้นที่ PE แค่ 4.7 เท่านั้น ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตลาด และคาดการณ์ว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จะมีรายได้รวมในปี 2553 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 18,900 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 1,720 ล้านบาท
รวมทั้งอัตราเงินปันผลปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend yield สูง 10% ต่อปี และกำหนดมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของปีนี้ที่ 10.54 บาทต่อหุ้น หลังจากที่แสนสิริ สามารถสร้างรายได้และกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องในปี 2553 รวมถึงคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปในอีก 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายที่ 7 บาท อิง PE ที่ 7 เท่า เพราะปัจจุบัน ราคาซื้อขายที่ PE แค่ 5.5 เท่า ในขณะที่สามารถจ่ายปันผลได้สูงเกือบ 10% โดยคาดการกำไรสุทธิปี 2553 ที่ 1,693 ล้านบาท