ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มองโอกาสเศรษฐกิจไทยยังโตได้ต่อเนื่อง เตรียมเปิดโครงการใหม่ 5-7 โครงการ มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท
นายไชยยันต์ ชาครกุล
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มองโอกาสเศรษฐกิจไทยยังโตได้ต่อเนื่อง เตรียมเปิดโครงการใหม่ 5-7 โครงการ มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมี GDP Growth ประมาณ ± 4% เมื่อเทียบปีก่อน โดยภาคการส่งออกยังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อเนื่อง และเสริมด้วยลงทุนของรัฐผ่านโครงการต่างๆ และการลงทุนภาคเอกชนเริ่มเห็นสัญญาณการลงทุนเพิ่มขึ้น
และภาคการบริโภคของประชาชนยังเป็นบวกตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวภาคการเงิน สภาพคล่องยังสภาพสูง แม้ระยะสั้นจะมีการถอนเงินจากการลงทุนจากต่างชาติบ้าง แต่โดยรวมสภาพคล่องยังดีอยู่ อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณท์อันได้แก่ น้ำมัน สินค้าโภคภัณท์ต่างๆ รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้าง จะเพิ่มขึ้น
ในแง่ธนาคารพาณิชย์คงระมัดระวังเรื่องการปล่อยโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารชุด เพราะ supply ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านค่อนข้างมาก และจะมีกฎ BOT เรื่อง LTV Ratio อาคารชุดปี 2554 และแนวราบปี 2555 แต่จะเป็นผลดีต่อตลาดในระยะยาว โดยภาพรวมในปี 2554 ยอดสินเชื่อส่วนบุคคล (บ้าน) ยังเป็นบวก เนื่องจากมียอดอาคารชุดครบโอนสูงและแนวราบยังเจริญเติบโตได้
สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย บริษัทหลายบริษัทได้หันมาเน้นที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น ซึ่งตลาดจะมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น เนื่องจากแรงกระตุ้นด้าน demand จากรัฐบาลหมดลง และผู้บริโภคได้เร่งซื้อไปจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดีสาธารณูปโภคของรัฐ อันได้แก่รถไฟฟ้าสายต่างๆ ถนนที่ตัดใหม่หลายสาย หน่วยราชการใหม่ๆ จะทำให้ demand ใหม่เริ่มมีการโยกย้ายและกระจายตัวเพิ่มขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคจะมีการปรับตัวอีกครั้งหลังสาธารณูปโภคใกล้เสร็จ
เนื่องจากอาคารชุดไทยในเมืองราคาสูง จนกำลังซื้อผู้บริโภคตามไม่ค่อยทัน และได้เห็นแนวโน้มของหลายบริษัททำธุรกิจเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยขยายธุรกิจสูงกว่าศักยภาพของตลาดมากและประเมินว่าศักยภาพการแข่งขันเหนือกว่าตลาดและคิดเหมือนๆกันหลายบริษัท
บริษัทฯ ปี 2554 ได้ปรับกลยุทธโดยแข่งขันเป็น SBU1 ( Brand เดิม บ้านลลิล , ลลิล กรีนวิลล์ และบุรีรมย์ )และ SBU2 (Lanceo และ Lio) เพื่อให้บริษัทคล่องตัวและเน้น Target customer ชัดเจนขึ้น เพื่อตอบสนองผู้บริโภคได้ รวดเร็วและตรงใจทุกกลุ่ม โดยปี 2554 จะเปิดโครงการใหม่ 5-7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยเป็นแนวราบ 6 โครงการ และอาคารชุด 1 โครงการ โดยเน้นโครงการในเมืองเพิ่มขึ้น