วิกฤตอาหารโลกดันราคาสินค้าเกษตรพุ่ง CPF รับอานิสงส์ เติบโตตามเป้าหมาย
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตการณ์อาหารแพง เนื่องจากภาวะราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ อาจส่งผลให้การขาดแคลนอาหารของโลกทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อผนวกกับการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากประชากรมีฐานะที่ดีขึ้น และการลงทุนที่น้อยเกินไปในภาคเกษตรกรรมด้วยแล้ว จะส่งผลกระทบให้ระดับราคาสินค้าเกษตรและอาหารพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรและแปรรูปเป็นอาหาร จัดเป็น 1 ใน 7 ประเทศของโลกที่มีอาหารบริโภคอย่างพอเพียงและยังมีเหลือเพื่อการส่งออก เห็นได้จากภาพรวมผลผลิตสินค้าเกษตรในปีนี้ยังสูงกว่าการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งประเทศไทยจะสามารถทำรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกผลผลิตทางเกษตรและอาหารในช่วงวิกฤตอาหารของโลกนี้ได้ดี
นายอดิเรก กล่าวว่า ซีพีเอฟ เป็นบริษัทผู้นำด้านเกษตรอุตสาหกรรมและแปรรูปอาหารส่งออกของประเทศไทย ก็จะได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรของโลกที่เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งจากการที่บริษัทได้ขยายการลงทุนไปใน 10 ประเทศ อาทิ อินเดีย รัสเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่มีโอกาสและศักยภาพในการขยายตัวของธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารอีกมาก และนับวันจะมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะช่วยเสริมการเติบโตของบริษัทด้วย
ขณะที่ตลาดภายในประเทศก็ได้รับผลดีจากช่วงแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาที่มีการจับจ่ายใช้สอย ตลอดจนซื้อ-ขายสินค้าผ่านร้านซีพีเฟรชมาร์ทและซุ้มไก่ย่างห้าดาวกันอย่างคึกคัก และจะส่งผลให้การดำเนินการปี 2554 นี้ เติบโตในระดับที่ดี โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10 %