1. ธปท.ชี้จลาจลในอียิปต์ไม่กระทบเศรษฐกิจไทย
- ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สถานการณ์ความตึงเครียดจากเหตุการจลาจลในอียิปต์ คาดว่าจะไม่กระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากไทยมีมูลค่าการส่งออกไปอียิปต์เพียง 700 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.5 ของมูลค่าการส่งออกรวมเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยถือว่ามีความแข็งแกร่ง ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอียิปต์ไม่น่าจะกระทบมากนัก
- สศค. วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์จลาจลในอียิปต์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 2 ช่องทางสำคัญดังนี้ 1) ด้านเศรษฐกิจจริง พบว่าได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังประเทศอียิปต์มีเพียง 767.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ 2) ด้านภาคการเงิน พบว่าได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะในตลาดทุน เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลว่าปัญหาการจลาจลจะลุกลาม จึงมีการเทขายในตลาดทุนอย่างรุนแรงในหลายภูมิภาคทั่วโลก .
นอกจากนั้นยังส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศอียิปต์เป็นเส้นทางการส่งน้ำมันดิบทางเรือที่สำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดีคาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยจะเป็นผลกระทบระยะสั้น และไม่รุกรามไม่ยังภาคการผลิตต่างๆ
2. สุวรรณภูมิคึก คาดมีนักท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนวันละ 1.8 แสนคน
- ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวนมาก และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยววันละ 1.8 แสนคน โดยในช่วง 13 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-13 ก.พ. 54 คาดว่าจะมีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 2.3 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 98,000 คน
- สศค. วิเคราะห์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 53 มีจำนวน 15.8 ล้านคน โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 12.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 600.0 พันล้านบาท โดยตลาดท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและเอเชียใต้มีการขยายตัวที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มภูมิภาคเอเชีย
ในขณะที่ตลาดท่องเที่ยวจากยุโรปและสหรัฐฯ มีการขยายตัวที่ลดลงจากปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ซึ่งสะท้อนได้ว่า การท่องเที่ยวของไทยในปี 53 ได้ปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 51 และจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 54 ต่อไป
3. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 50.5
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 50.5 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.7 จากสินค้าในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 50.8 จากเดิมที่อยู่ที่ระดับ 49.4
- สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีดังกล่าวที่อยู่ที่ระดับสูงกว่า 50 แต่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า บ่งชี้การขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในภาคอุตสาหกรรม โดยการขยายตัวดังกล่าวเกิดจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกที่ยังคงบ่งชี้การขยายตัวต่อเนื่อง
สะท้อนภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องในระยะต่อไป อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงจากนอกประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการเมืองในประเทศอียิปต์อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งอาจส่งผลให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดในเดือน ธ.ค. 53 อัตราเงินเฟ้อสิงคโปร์อยู่ที่ร้อยละ 4.6 ต่อปี
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง