สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผยสถานการณ์การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เดือน ธ.ค. ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ชี้สินค้าอุตฯ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้การส่งออกรวมขยายตัว
วรรณพร บุณยรัตพันธุ์
สานักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
สถานการณ์การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม และภาพรวมปี 2553
การส่งออกในเดือนธันวาคม 53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งออกยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าอุตสาหกรรมยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้การส่งออกรวมขยายตัว สินค้าอุตสาหกรรมที่มีส่วนสำคัญทำให้การส่งออกรวมขยายตัว ได้แก่ สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า รองลงมาคือ สินค้าหมวดเครื่องอิเลคทรอนิกส์ ยานยนต์ เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ซึ่งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวได้ดีทั้งในตลาดสำคัญ และในสินค้าส่งออกที่สำคัญ
ภาพรวมการส่งออกปี 2553 การส่งออกสินค้ารวมขยายตัวร้อยละ 28.1 ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่งขยายตัวร้อยละ 29.7 จากการส่งออกสินค้าในกลุ่มยานยนต์ เครื่องอิเลคทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ รวมถึงสิ่งทอ ขยายตัวได้ดี ซึ่งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวได้ดีในตลาดสำคัญตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า โดยตลาดส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งเป็นตลาดอาเซียน
การส่งออกในเดือนธันวาคม 53 มีมูลค่าการส่งออกรวม 17,372.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 18.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งออกในหมวดสินค้าเกษตรขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 29.0 ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในส่วนของสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 53 มีมูลค่าการส่งออก 13,086.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 20.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถ้าหักมูลค่าการส่งออกทองคำแท่งออก สินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่งมีมูลค่าการส่งออก 12,600.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 16.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทยเดือนธันวาคม 53 ขยายตัวจากการส่งออกไปยังตลาดฮ่องกง, อาเซียน, ญี่ปุ่น, จีน และสหรัฐฯ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนธันวาคม 53 การส่งออกสินค้าไปยังตลาดดังกล่าวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวร้อยละ 83.9, 14.5, 28.3, 20.0 และ 13.6 ตามลำดับ
เม็ดพลาสติก ในเดือน ธ.ค. 53 มีมูลค่าการส่งออก 615.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 48.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปยังจีน และอาเซียนที่ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ธ.ค. 53 การส่งออกเม็ดพลาสติกไปยังจีน และอาเซียนขยายตัวสูงถึงร้อยละ 86.6 และ 61.8 ตามลำดับ
สิ่งทอฯ ในเดือน ธ.ค. 53 มีมูลค่าการส่งออก 738.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 19.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำอย่างผ้าผืนและด้ายมีการส่งออกขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง เดือน ธ.ค. 53 มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 33.1 จากการส่งออกไปยังตลาดอาเซียนขยายตัวร้อยละ 33.0
ในขณะที่สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้าอย่างเครื่องนุ่งห่มมีการส่งออกขยายตัวร้อยละ 9.4 โดยการส่งออกไปยังตลาดที่มีมูลค่าการส่งออกเครื่องนุ่งห่มมากเป็นอันดับ 2 คือ สหภาพยุโรป(27) ขยายตัวร้อยละ 6.4 ขณะที่ตลาดเครื่องนุ่งห่มที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งของไทยอย่างสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. 53 การส่งออกขยายตัวเพียงร้อยละ 0.2 สาหรับตลาดญี่ปุ่น การส่งออกยังขยายตัวยังขยายตัวต่อดีที่ร้อยละ 30.5
เครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือน ธ.ค. 53 มีมูลค่าการส่งออก 1,691.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่นที่ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ธ.ค. 53 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังตลาดญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 54.5 ขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ และอาเซียน ขยายตัวที่ร้อยละ 28.4 และ 5.3 ตามลาดับ อย่างไรก็ตามการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังสหภาพยุโรป(27) ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญตลาดหนึ่งหดตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.8
เครื่องอิเลคทรอนิกส์ ในเดือน ธ.ค. 53 มีมูลค่าการส่งออก 2,902.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว ร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าหลักในกลุ่ม เช่น เแผงวงจรไฟฟ้ามีการส่งออกขยายตัวร้อยละ 17.0 จากการส่งออกไปยังฮ่องกงขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 37.5 ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดอาเซียนขยายตัวร้อยละ 2.6 ในส่วนของครื่องคอมพิวเตอร์ฯ ในเดือน ธ.ค. มีการส่งออกหดตัวร้อยละ 2.3
เนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดหลักต่างปรับหดตัวในเดือนนี้ โดยการส่งออกไปยังจีน และสหรัฐฯ มีการส่งออกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเดือน ธ.ค. 53 มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 12.7 และ 5.9 ตามลาดับ ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป(27) และอาเซียน ก็มีมูลค่าการส่งออกลดลงเป็นเดือนแรก คือลดลงร้อยละ 2.3 และ 1.8 ตามลาดับ อย่างไรก็ตามการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ฯ ไปยังฮ่องกงขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 59.2
ยานยนต์ ในเดือน ธ.ค. 53 มีมูลค่าการส่งออก 1,610.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกสินค้าหลักกลุ่มรถยนต์ฯ มีการส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.7 จากการส่งออกไปยังตลาดอาเซียนขยายตัวร้อยละ 12.3
ภาพรวมการส่งออกปี 2553 มีมูลค่าการส่งออกรวม 195,311.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว ร้อยละ 28.1 โดยการส่งออกสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวร้อยละ 31.0 และ 17.4 ตามลาดับ ในส่วนของสินค้าอุตสาหกรรม ทั้งปี 2553 มีมูลค่าการส่งออก 150,090.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 28.9 และถ้าหักมูลค่าการส่งออกทองคำแท่งออก
สินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่งมีการส่งออกขยายตัวร้อยละ 29.7 โดยเป็นผลมาจากตลาดอาเซียนที่ขยายตัวดี คือขยายตัวร้อยละ 33.1 รวมถึงการส่งออกไปยังตลาดจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป(27) และสหรัฐอเมริกาที่มีการปรับขยายตัวร้อยละ 30.8, 41.9, 30.4, 22.4 และ23.4 ตามลาดับ สอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า
โดยสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักทำให้การส่งออกขยายตัวเป็นสินค้าในกลุ่มยานยนต์ เครื่องอิเลคทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ รวมถึงสิ่งทอ ก็ปรับขยายตัวได้ดี
การส่งออกเม็ดพลาสติกปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 42.3 ขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง
การส่งออกสิ่งทอปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 19.2 จากการส่งออกผ้าผืนและด้ายปรับขยายตัว ร้อยละ 31.1 เป็นสาคัญ ขณะที่การส่งออกเครื่องนุ่งห่มปรับขยายตัวที่ร้อยละ 8.3
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 32.4 จากการส่งออกเครื่องปรับอากาศที่ปรับขยายตัวร้อยละ 37.6 เป็นสำคัญ
การส่งออกเครื่องอิเลคทรอนิกส์ปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 21.9 จากการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงแผงวงจรไฟฟ้า ที่ขยายตัวร้อยละ 17.6 และ 25.2
การส่งออกยานยนต์ปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 55.2 จากการส่งออกรถยนต์นั่ง รวมถึงรถแวนและปิกอัพที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การส่งออกในปี 54 ยังคงต้องจับตาภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท อย่างไรก็ตามการที่ไทยสามารถเข้าถึงตลาดที่มีกาลังซื้อสูงอย่างอาเซียน จีน และอินเดียจากการเปิดเสรีทางการค้า จะเป็นตัวช่วยผลักดันการส่งออกของไทยให้ขยายตัวต่อไป