เพาเวอร์คอม กรุ๊ป ลั่นบุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเดิมผุดโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์แห่งแรกในไทย เริ่มเดินเครื่องแล้ว 2 เมกะวัตต์
เพาเวอร์คอม กรุ๊ป ลั่นบุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเดิมผุดโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์แห่งแรกในไทย เริ่มเดินเครื่องแล้ว 2 เมกะวัตต์
“เพาเวอร์คอม กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ที่ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวของประเทศไต้หวัน ประกาศบุกโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่าน ‘อินฟินิท กรีน’ ประเดิมผุดโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์แห่งแรกในไทย ที่จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ เริ่มเดินเครื่องเฟสแรกขายไฟฟ้าให้ กฟภ.แล้ว 2 เมกะวัตต์ ก่อนครบ 5 เมกะวัตต์ในไตรมาสแรกปีนี้
นายไซม่อน ชาง ประธานบริษัท เพาเวอร์คอม กรุ๊ป กลุ่มบริษัทชั้นแนวหน้าของไต้หวันและของโลก ในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อรองรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนรุกขยายธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมทั้งทางด้านเทคโนโลยี และอุปกรณ์ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ อาทิเช่น ตัวแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
โดยบริษัทฯ ได้เริ่มต้นขยายธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ผ่านการลงทุนของบริษัทลูกคือ บริษัท ท๊อป กรีน เอนเนอยี่ เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด
ทั้งนี้ บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด ได้ใบอนุญาตก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 15 เมกะวัตต์ โดยเริ่มแห่งแรกที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี บนเนื้อที่ 76 ไร่ กำลังการผลิตรวม 5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นเฟสแรก 2 เมกะวัตต์ และเฟสที่สองอีก 3 เมกะวัตต์ จำหน่ายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. เพื่อรองรับกับความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศไทย โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เริ่มจำหน่ายไฟให้กับ กฟภ.แล้วจำนวน 2 เมกะวัตต์ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2553 ซึ่งสามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 34 ล้านบาทต่อปี ส่วนที่เหลืออีก 3 เมกะวัตต์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและดำเนินการได้ครบทั้ง 5 เมกะวัตต์ ได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้
“ประเทศไทย นับเป็นประเทศที่เหมาะสมต่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากมีสภาพอากาศที่ดี ไม่มีแผ่นดินไหวและมรสุม ทำให้เราตัดสินใจเข้ามาขยายธุรกิจ ซึ่งหากก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้ครบ 15 เมกะวัตต์ตามเป้าหมาย ก็จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 22,500,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือคิดเป็นรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 225 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่รวมกับเงินสนับสนุนจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ 15,000 ตันต่อปี ตลอดระยะเวลา 21 ปีอีกด้วย” นายไซม่อน ชาง กล่าว
นายจอห์นนี่ แซ่โกไทย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด กล่าวว่า บริษัท ได้ใช้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากกลุ่มเพาเวอร์คอม กรุ๊ป ซึ่งเป็นเพียงบริษัทเดียวของไต้หวันที่มีเทคโนโลยีและวัตถุดิบในการผลิตแผงวงจรโซลาร์เซลในการผลิตไฟฟ้าที่ครบวงจร ตั้งแต่โพลีซิลิคอน โซลาร์เซล และตัวแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูง กว่า 86% ตลอดอายุการใช้งาน 20 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ ใช้จุดแข็งในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตแผงโซลาร์เซลและอุปกรณ์ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เพื่อขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรในประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีความแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
“ทางผมกับคุณไซม่อน ชาง จากเพาเวอร์คอม กรุ๊ป จะร่วมมือกันขยายโรงไฟฟ้าแบบครบวงจรในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาคัยเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้านจากเพาเวอร์คอม กรุ๊ป ซึ่งหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาด้านการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ 08-1855-0105 หรือส่งอีเมล์ Johnny@infinitegreen.co.th , market@upspowercom.com.tw” นายจอห์นนี่กล่าว