กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลในตลาดโลกชี้นโยบายแทรกแซงหรือกีดกันการนำเข้าน้ำตาล ก่อปัญหาน้ำตาลตึงตัวและราคาแพง จี้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ เร่งหาข้อสรุปการเปิดเสรี
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลในตลาดโลกชี้นโยบายแทรกแซงหรือกีดกันการนำเข้าน้ำตาล ก่อปัญหาน้ำตาลตึงตัวและราคาแพง จี้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ เร่งหาข้อสรุปการเปิดเสรี
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลในตลาดโลกชี้นโยบายของหลายประเทศที่อุดหนุนหรือกีดกันการนำเข้าน้ำตาล ส่งผลให้ปัญหาน้ำตาลโลกตึงตัวทวีความรุนแรงขึ้น เหตุการเคลื่อนย้ายน้ำตาลไม่ทันกับความต้องการของผู้บริโภค เรียกร้องรัฐบาลแต่ละประเทศเร่งหาข้อสรุปเปิดเสรี
กลุ่มพันธมิตรน้ำตาลโลกเพื่อการปฏิรูปและการเปิดเสรีการค้าน้ำตาล หรือ GSA ได้ส่งเสียงสะท้อนไปยังรัฐบาลในประเทศต่างๆ หลังการประชุมครั้งล่าสุดที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของผู้นำกลุ่ม G20 ให้เจรจาการค้ารอบโดฮาบรรลุข้อสรุป
มร. เอียน แกลซ์ซัน ประธานคนใหม่ของกลุ่ม GSA และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม Sucrogen กล่าวว่า ปัญหาการกีดกันทางการค้าของรัฐบาลในประเทศต่างๆ ที่เข้ามาแทรกแซงการนำเข้าและส่งออกน้ำตาลทำให้การเคลื่อนย้ายน้ำตาลไปยังที่ต่างๆ ไม่ทันตามความต้องการของผู้บริโภคของแต่ละประเทศ มีผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดังนั้น การดำเนินนโยบายทางการค้าเกี่ยวกับสินค้ากลุ่มน้ำตาลจะต้องมีการเปิดเสรี เพื่อให้แต่ละประเทศสามารถบริหารจัดการเพื่อรองรับกับความต้องการบริโภคน้ำตาลในแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศอินเดีย ที่มีโครงสร้างการบริหารจัดการที่เปิดให้มีการส่งออก กรณีที่มีปริมาณการผลิตมากพอสำหรับความต้องการภายในประเทศ และสามารถนำเข้าน้ำตาลทรายได้หากได้รับผลกระทบจากฤดูการผลิตที่ทำให้ปริมาณน้ำตาลไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ
ส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำตาลทรายของประเทศอินเดียมีศักยภาพในการส่งออกที่มั่นคง ซึ่งต่างจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ที่แม้ผลิตน้ำตาลเพื่อการส่งออกได้ แต่มาตรการปกป้องโครงสร้างการอุดหนุนภายในเป็นปัจจัยถ่วง ทำให้อุตสาหกรรมน้ำตาลของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปไม่มีความเข้มแข็ง
“ในประเทศที่เจริญแล้ว ภาครัฐไม่ควรอุดหนุนหรือกีดกันทางการค้าสำหรับน้ำตาลหรือสินค้าเกษตรอื่นๆ เพราะการแทรกแซงของภาครัฐที่ไม่ได้สะท้อนถึงกลไกของตลาด ไม่สะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริง จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผลผลิตน้ำตาลล้นตลาด และทำให้ราคาน้ำตาลผันผวน ทั้งยังไม่ได้ช่วยให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลอย่างยั่งยืนทั่วทั้งโลกได้ และไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการปริมาณน้ำตาลที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 40 ตันในช่วงทศวรรษข้างหน้านี้” มร.เอียน กล่าว
ประธานกลุ่ม GSA กล่าวอีกว่า การแทรกแซงและควบคุมอุตสาหกรรมน้ำตาลดังกล่าว ยังส่งผลต่อการนำน้ำตาลไปผลิตเป็นเอทานอล เนื่องจากกลไกทางราคาที่ถูกบิดเบือนจากโครงสร้างภาษีนำเข้าและอุปสรรคการค้าที่มิใช่ภาษี มีผลต่อการพัฒนาตลาดเอทานอลโลกและความสามารถของอุตสาหกรรมในการมีส่วนช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน และเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ ทางกลุ่ม GSA จึงเรียกร้องให้ผู้นำโลกดำเนินนโยบายยกเลิกการอุดหนุนการส่งออก การลดการบิดเบือนการอุดหนุนภายในประเทศ เพื่อให้กลไกตลาดเป็นตัวกำหนดถึงความต้องการในการผลิตและความต้องการบริโภคน้ำตาล ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมน้ำตาลและเอทานอลเดินหน้าได้อย่างเข้มแข็ง