1. จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 53 ขยายตัวร้อยละ 23 ต่อปี
- กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. 53 มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เป็นนิติบุคคล ประเภทห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด ทั่วประเทศ จำนวน 3,112 ราย มีเงินทุนจดทะเบียนจำนวน 11,183 ล้านบาท ทั้งนี้สถิติจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 52 เพิ่มขึ้น 659 ราย หรือร้อยละ 26 9 ต่อปี และส่งผลให้ทั้งปี 53 มีการจดทะเบียนจัดตั้งรวมเป็นจำนวน50,776 ราย เพิ่มขึ้น 9,533 ราย จากปีก่อนหน้า หรือขยายตัวร้อยละ 23 ต่อปี
- สศค. วิเคราะห์ว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว สอดคล้องกับเครื่องชี้ภาคการลงทุนในปี 53 ที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยในเดือน พ.ย. 53 ปริมาณการขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 37.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บ่งชี้ สถานการณ์ลงทุนในประเทศ ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 53 และปี 54 การลงทุนจะขยายตัวร้อยละ 15.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 10.3 – 12.3 คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 53) ตามลำดับ
2. ออมสินประเดิมปล่อยกู้ประชาวิวัฒน์ 14 ก.พ. ถึง 31 ก.ค. 2554
- ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารตั้งวงเงินปล่อยกู้โครงการประชาวิวัฒน์ไว้ 2,000 ล้านบาท โดยจะปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนขับรถแท็กซี่ พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ โดยผู้กู้จะต้องรวมตัวเป็นกลุ่มไม่น้อยกว่า 10 คน แต่ไม่เกิน 25 คน
ซึ่งธนาคารจะปล่อยกู้ให้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ผ่อนชำระ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 6% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารจะเริ่มลงทะเบียนปล่อยกู้ประชาวิวัฒน์ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ถึง 31 ก.ค. 2554 โดยเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบอาชีพทั้ง 3 อาชีพ เนื่องจากดอกเบี้ยต่ำเมื่อเทียบการกู้นอกระบบ
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบอาชีพรับจ้างกลุ่มดังกล่าว เป็นการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้มีรายได้น้อย ลดปริมาณผู้กู้เงินนอกระบบ และเพิ่มโอกาสในอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้มีรายได้น้อยอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อภาคเอกชนในปี 2554 ให้ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น จากในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค. – พ.ย. 2553) ที่มียอดสินเชื่อคงค้างของสถาบันการเงินในประเทศที่ 9.7 ล้านล้านบาทหรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
3. ภาคบริการของสหรัฐฯเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น
- ภาคบริการของสหรัฐซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณร้อยละ 70 ของเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นหลังจากที่ตัวเลข Institute for Supply Management’s non-factory index (ISM service) ในเดือนปรับตัวดีขึ้นมามากที่สุดในรอบ 4 ปี โดยขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57.1 และสูงกว่าค่ากลางที่สำนักข่าว Bloomberg คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 55
สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นมาจากตัวเลข Manufacturing PMI ที่ปรับตัวสูงขึ้นมามากที่สุดในรอบ 7 เดือนที่ระดับ 57.0 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวมน่าจะมีแรงขับเคลื่อนไปในไตรมาสที่ 1 และเริ่มมีการฟื้นตัวที่มีสัญญาณที่ชัดเจนขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่าสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2554 สามารถขยายตัวร้อยละ 2.7 หรือในช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.6 – 2.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามการจ้างงานของสหรัฐฯ น่าจะยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวโดยล่าสุดอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. 53 อยู่ที่ระดับสูงที่สุดในรอบ 7 เดือนที่ร้อยละ 9.8 ของกำลังแรงงานรวม
ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องดำเนินมาตรการด้านการเงินแบบผ่อนคลายหรือ Quantitative Easing ระรอกที่ 2 ในวงเงิน 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศต่อเนื่อง ทั้งนี้สถานะการณ์ของเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นนั้นอาจยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะยั่งยืนหรือไม่ ดังนั้นจึงควรมีการจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป