ผู้ถือหุ้น AGE ไฟเขียวแผนเพิ่มทุนแถม AGE-W1 กำหนดใช้สิทธิแปลงสภาพภายในสามปีรองรับยอดขายโตต่อเนื่อง
ผู้ถือหุ้น AGE ไฟเขียวแผนเพิ่มทุนแถม AGE-W1 กำหนดใช้สิทธิแปลงสภาพภายในสามปีรองรับยอดขายโตต่อเนื่อง
เอเชีย กรีน เอนเนอจี หรือ AGE หนึ่งในผู้นำและจำหน่ายถ่านหินสะอาด บิทูมินัส จากประเทศอินโดนีเซีย ผู้ถือหุ้น AGE ไฟเขียวแผนเพิ่มทุนแถม AGE-W1 กำหนดใช้สิทธิแปลงสภาพภายในสามปี ผู้บริหารเผยนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับยอดขายโตอย่างต่อเนื่อง ยอดขายปีหน้าโตเกิน 40% ส่วนวัตถุประสงค์เพื่อรักษาวินัยทางการเงินตั้งเป้ารักษาอัตราหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับ 1 เท่าเศษ คาดไตรมาสแรก 2554 D/E ลดเหลือ 1.8 - 1.9 เท่า
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE กล่าวว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทวันที่ 24 ธันวาคม 2553 ได้อนุมัติแผนการเพิ่มทุนจำนวน 35 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน
โดยผู้จองจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญหรือ AGE-W1 อัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 2 หน่วยใบแสดงสิทธิ ระยะเวลาใช้สิทธิภายในสามปี บริษัทฯจะได้เงินสดจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ 140 ล้านบาท และเมื่อมีผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิแปลงเป็นหุ้นสามัญอีก 280 ล้านบาท รวม 420 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติกำหนดวันที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน และได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 13 มกราคม 2554 และปิดสมุดทะเบียนวันที่ 14 มกราคม 2554 ผู้ลงทุนที่ประสงค์จะได้รับสิทธิจะต้องซื้อหุ้นก่อนวันที่ 11 มกราคม 2554 (XR และXW) และ กำหนดระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 31 มกราคม 2554 ถึง วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554
การเพิ่มทุนนี้จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนในอัตรา 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 4 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) และจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญหรือ AGE-W1 อัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 2 หน่วยใบแสดงสิทธิ ในราคาหน่วยละ 0 บาท ระยะเวลาใช้สิทธิภายในสามปี
“คาดว่าจะมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิกันอย่างครบถ้วน เนื่องจากในปี 2554 ยอดขายจะโตไม่ต่ำกว่า 40% จากการสั่งซื้อภายในประเทศที่เข้ามาแล้วเพิ่มขึ้น รวมกับการส่งออกไปประเทศจีนอีกประมาณ 500,000 – 1,000,000 ล้านตันในปีหน้า จะทำให้กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น 50 – 60 % จะทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 6 – 7 %
อีกทั้งบริษัทเป็นกิจการที่มีขนาดเล็กกำลังเจริญเติบโต มีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และกำลังพิจารณาอยู่หลายโครงการ ล้วนแต่เป็นโครงการที่ดี และมีผลตอบแทนโครงการในอัตราที่สูง โครงการเหล่านี้จะเริ่มรู้รายได้ ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป” นายพนมกล่าว