แอร์บัส ตัดสินใจที่จะนำเสนอเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ สำหรับเครื่องบินตระกูล เอ320 โดยพร้อมส่งมอบในปี 2559
แอร์บัส ตัดสินใจที่จะนำเสนอเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ สำหรับเครื่องบินตระกูล เอ320 โดยพร้อมส่งมอบในปี 2559
แอร์บัส ตัดสินใจที่จะนำเสนอเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ สำหรับเครื่องบินตระกูล เอ320 ซึ่งเป็นเครื่องที่ขายดีที่สุดของแอร์บัส โดยมี 2 รุ่นให้เลือก ได้แก่ เครื่องยนต์ LEAP-X ของ CFM Internationalและ เครื่องยนต์ PurePower PW1100G ของ Pratt & Whitney
โดยเครื่องเอ320รุ่นใหม่ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์แบบใหม่ รวมทั้งปีกขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษไว้ส่วนปลายเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานที่เรียกว่า Sharklets นั้น เป็นที่รู้จักกันดีในนามเครื่องตะกูล เอ320นีโอ โดยแอร์บัสพร้อมส่งมอบเครื่องตระกูลดังกล่าวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2559
โดยเครื่อง เอ320นีโอ ไม่ใช่แค่เพียงช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นเท่านั้น แต่ยังสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3,600 ตันต่อปี ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบรรดาลูกค้าของเครื่องตระกูลเอ320นีโอ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลดการปล่อยก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน(NOx) ในระดับเลขสองหลัก, ลดความดังของเครื่องยนต์, ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ, เพิ่มระยะทางการให้บริการได้มากถึง 500 นาโนเมตร หรือประมาณ 950 กิโลเมตร และยังสามารถเพิ่มน้ำหนักในการบรรทุกได้อีก 2 ตัน
จากการที่เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบใหม่ดังกล่าว จะเริ่มให้บริการในช่วงกลางของทศวรรษนี้ แอร์บัส จึงมุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ ให้กับลูกค้า เพื่อที่จะนำมาทั้งนี้เพื่อสานต่อการพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องบินรวมทั้งการดำเนินงานของสายการบิน ในขณะที่ช่วยลดผลกระทบที่เกิดต่อสภาพแวดล้อม แอร์บัสเล็งเห็นถึงศักยภาพทางตลาดของเครื่องบินตระกูลเอ320นีโอ ว่าจะสามารถทำยอดได้ถึงกว่า 4,000 ลำภายใน15ปีข้างหน้านี้
“เรามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเครื่องเอ320นีโอ จะประสบความสำเร็จในทุกๆตลาดและการดำเนินงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทางเราได้นำเครื่องบินที่ได้รับความเชื่อถือ และเป็นรุ่นหลักของเรา มาสร้างให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น” ทอม เอ็นเดอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอร์บัส กล่าว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แอร์บัส ได้ใช้เวลาให้การประเมินและเพิ่มประโยชน์เชิงธุรกิจของเครื่องเอ320นีโอด้วยการใช้ทีมงานทางวิศวกรรมที่มีทักษะสูงสุด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการจัดสรรทรัพยกรดังกล่าวไปยังโครงการอื่นๆของแอร์บัสเช่นกัน
“การหาทรัพยากรที่สำคัญของเครื่องเอ320นีโอ ไม่เหมือนการเดินเล่นในสวนสาธารณะ” เอ็นเดอร์ส กล่าวเพิ่ม “การที่จะทำให้เป็นไปได้นั้น ต้องกาศัยการคิดค้นอย่างเข้มงวดตลอดช่วงการพัฒนาโครงการ ทั้งยังต้องใช้ประโยชน์ด้านการบริหารและองค์กรจากโครงการต่างๆ รวมทั้งโครงการวิจัยเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยศูนย์วิจัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติ, ซัพพลายเออร์ รวมทั้งพํนธมิตรของเราต่างมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเหล่านี้ทั้งสิ้น”
เครื่องยนต์ทางเลือกใหม่ จะมีให้บริการกับเครื่องรุ่น เอ321, เอ320 และ เอ319 ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับแต่งเล็กน้อย ในส่วนของปีกและบริเวณส่วนนำร่อง โดยในส่วนลำตัวเครื่องของ เอ320นีโอ กว่า 95 เปอร์เซ็นจะเหมือนกับเครื่องตระกูล เอ320 ซึ่งด้วยลักษณะพิเศษนี้ ทำให้ผู้ปฏิบัติการกับเครื่องบินรุ่นตระกูลต่างๆของแอร์บัสนั้น สามารถรับประโยชน์จากการที่ไม่จำเป็นต้องมีนักบินเพิ่มเติม ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการเทรนนิ่งเพื่อการดูแลรักษาเครื่องเช่นกัน
นอกจากนั้น แอร์บัสยังได้เปิดตัว Sharklet อุปกรณ์ปลายปีกของเครื่องบิน ด้วยการออกแบบที่พิเศษนี้ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ และ ประสิทธิภาพในการบรรทุกของเครื่องตระกูล เอ320 โดยส่วนSharklet เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับลูกค้า
อย่างไรก็ดีการติดตั้งส่วน Sharklet คาดว่าจะช่วยลดการเผาผลาญพลังงานถึงกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ และเครื่องเอ320 จะเป็นเครื่องบินรุ่นแรกที่ได้มีการติดตั้ง Sharklet ซึ่งจะมีกำหนดส่งมอบประมาณปลายปี 2555 ตามด้วยเครื่องรุ่นอื่นๆในตระกูลเอ320ในปี 2556 เป็นต้นไป
เครื่องตระกูล เอ320 ได้รับการยอมรับให้เป็นเครื่องมาตรฐานของเครื่องบินแบบทางเดินเดี่ยว โดยกว่า 6700 ลำที่ถูกขาย และกว่า 4400 ลำ ส่งให้กับลูกค้ากว่า 310 ราย และ มีการบริการอยู่ทั่วโลก จึงทำให้เป็นเครื่องบินแบบทางเดินเดี่ยวที่ขายดีที่สุดในโลก
เครื่องบินตระกูล เอ320 เป็นเครื่องบินที่ได้รับเปอร์เซ็นของความน่าเชื่อถือและระยะเวลาการให้บริการที่อยู่ในระยะยาว ถึงกว่า 99.7 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เครื่องบินตระกูลดังกล่าว เป็นเครื่องบินแบบทางเดินเดี่ยวที่มีต้นทุนในการให้บริการที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นอื่นๆ