บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แจงรายได้ปี 2549 รวมจำนวน 33,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,170 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 32 จากงวดเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการผลิตถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ว่ามีรายได้จากการขายรวมจำนวน 33,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8,170 ล้านบาท หรือร้อยละ 32 เป็นผลจากผลผลิตถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองอินโดมินโค-บอนตัง และเหมืองทรูบาอินโด ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย รวมทั้งการรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 3,610 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1,948 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 35 ทั้งนี้ เป็นผลจากกำไรที่ลดลงในธุรกิจถ่านหินที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นตามการปรับตัวของราคาน้ำมัน รวมทั้งภาษีส่งออกถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการเรียกเก็บภาษีส่งออกถ่านหินของสาธารณรัฐอินโดนีเซียในช่วงระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนี้กำไรจากการจำหน่ายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักได้ลดลงเช่นเดียวกัน |
. |
ในปี 2549 บริษัทฯ มีปริมาณขายถ่านหิน จำนวน 21.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.7 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 28 และมีรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 30,434 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 91 ของรายได้จากการขายรวม ทั้งนี้แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 28,767 ล้านบาท และจากแหล่งผลิตในไทย 1,667 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและ ไอน้ำ จำนวน 2,808 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 ของรายได้จากการขายรวม ส่วนรายได้อื่น ๆ มีมูลค่า 136 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของรายได้จากการขายรวม สำหรับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ในปี 2549 เท่ากับ 35.82 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 0.60 เหรียญสหรัฐต่อตัน คิดเป็นร้อยละ 2 |
. |
สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 นั้น บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 49,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,298 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 มีหนี้สินรวมจำนวน 27,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,755 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เท่ากับ 0.66 เท่า เทียบกับ 0.34 เท่าในปี 2548 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานของบริษัทฯ เท่ากับ 13.29 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 20.46 บาทต่อหุ้นในปี 2548 ที่ผ่านมา |
. |
ในปี 2550 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินเท่ากับปี 2549 ที่ประมาณ 21 ล้านตันโดยคาดว่ารายได้จากการขายรวมจะสูงกว่าปี 2549 เนื่องจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองทรูบาอินโด ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ เพราะถ่านหินจากเหมืองดังกล่าวเป็นถ่านหินที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของตลาดระดับสูง ซึ่งผลผลิตของถ่านหินคุณภาพดีที่เพิ่มขึ้นนั้นจะทดแทน ผลผลิตที่ลดลงจากเหมืองในประเทศไทยที่ใกล้หมดสัมปทานในอีก 1-2 ปีข้างหน้า |
. |
บริษัทฯ คาดว่ารายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้ (2550) จะดีขึ้นกว่าปี 2549 ทั้งนี้เนื่องจากการผลิตถ่านหินคุณภาพสูงจากทรูบาอินโดจะเพิ่มขึ้น และการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า กำไรของบริษัทฯ จะมาจากธุรกิจไฟฟ้า ประมาณร้อยละ 40 และจากธุรกิจถ่านหินประมาณร้อยละ 60 นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าว |
. |
นายชนินท์กล่าวต่ออีกว่า จากกลยุทธ์ของบ้านปูฯ ในการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ บริษัทฯ ได้ขยายฐานธุรกิจไปยังสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน และเพื่อเป็นการสร้างความสมดุลทางด้านรายได้ระหว่างธุรกิจถ่านหินและธุรกิจไฟฟ้า บ้านปูฯ ได้กระจายการลงทุนไปยังธุรกิจไฟฟ้าในภูมิภาค ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้รายได้ของธุรกิจไฟฟ้าพัฒนาเป็นรูปเป็นร่างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนในปีนี้ |
. |
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งให้ความสำคัญต่อการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง อาทิ การดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในระบบการผลิต (Electrification program) เพื่อทดแทนต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเหมืองอินโดมินโค-บอนตัง รวมถึงการพัฒนาศักยภาพระบบการขนส่งถ่านหินของบริษัทฯ โดยเฉพาะการปรับปรุงและขยายประสิทธิภาพท่าเรือบอนตังให้สามารถรองรับการขนถ่ายถ่านหินเพิ่มขึ้นจาก 12.5 ล้านตัน เป็น 18 ล้านตัน ในปี 2551 |