รัฐบาลขิงแก่เปิดเกมรุกพลิก ระบอบ "ทักษิโนมิกส์" มาเป็น "เศรษฐกิจพอเพียง" (แบบกลวง ๆ) พยายามบีบทุกกระทรวงเดินตามแนวทางนี้ ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง  เตือนอย่าทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามกระแส  แต่ต้องศึกษาและปฏิบัติจริงเพื่อรองรับวิกฤตสังคมไทย

จากความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่กำลังเข้าขั้นวิกฤตทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จนนำมาสู่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ยังไม่เกิดเป็นรูปธรรมชัดเจน ถึงแม้จะเปิดเกมรุกพลิก ระบอบ "ทักษิโนมิกส์" มาเป็น "เศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งพยายามขับเคลื่อนทัพให้ทุกกระทรวงเดินตามแนวทางนี้  แต่ผู้ปฏิบัติที่ยังหลงใหลในรอบทักษิณไม่เห็นด้วยกลับแนวทางพอเพียง เพราะว่า รัฐบาลยังไม่เข้าใจและยังไม่สามารถนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอย่างเต็มรูปแบบได้

"เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัชชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30 ปี แล้ว ตั้งแต่ ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแทโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

นายวิวัฒน์   ศัลยกำธร   ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และ สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง  กล่าวระหว่างการเสวนาและชี้ว่าสังคมไทยกำลังเผชิญวิกฤต 4 ด้าน คือ ภัยธรรมชาติ โรคระบาด วิกฤตพลังงาน และภาวะข้าวยากหมากแพง แม้จะมีการตื่นตัวอย่างมากในปีนี้  ต่อการที่รัฐบาลประกาศ นโยบายยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง  แต่ความยากของการแปลงนโยบายสู่การปฎิบัติคือ การสร้างความเชื่อมั่นว่าแนวทางดังกล่าวสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงกับทุกสาขาอาชีพ  ขณะที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในรัฐบาลตลอดจน ข้าราชการผู้รับนโยบายบางส่วน  ยังมีความเข้าใจสับสน เตือนอย่าทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามกระแส  แต่ต้องศึกษาและปฏิบัติจริงเพื่อรองรับวิกฤตสังคมไทย

นายวิวัฒน์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  ฝากข้อคิด 3 ข้อ คือ การปฎิบัติต้องศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ , การมีจินตนาการในการปฏิบัติให้เกิดผล และต้องผ่านการพิสูจน์และปฎิบัติจริงก่อนนำไปเผยแพร่.