เนื้อหาวันที่ : 2010-11-24 13:39:33 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 718 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 24 พ.ย. 2553

1. ก. พาณิชย์เลือก 10 จังหวัด ต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์

-  กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเปิดตัวโครงการเมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล ที่จะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้คนไทย มีความตื่นตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรม และการจัดการธุรกิจในรูปแบบใหม่โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์


รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของจังหวัด ทั้งนี้ จะมีการการคัดเลือกเมืองต้นแบบใน 10 จังหวัดจากทั่วประเทศเป็นตัวอย่างและแนวทางในการพัฒนาสินค้าและบริการ


-  สศค. วิเคราะห์ว่า การที่กระทรวงพาณิชย์มีโครงการเมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสนำเอาความคิดสร้างสรรค์มาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตไปได้อย่างมากในอนาคต 


ทั้งนี้ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 รัฐบาลได้เตรียมการลงทุนในโครงการเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งได้มีการกำหนดโครงการต่างๆ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินลงทุนที่ได้รับอนุมัติจำนวน 1,331 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้รวม 1,012 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 76.1 ของกรอบวงเงิน


2. 'สุรินทร์'จี้ภาคเอกชนอาเซียนเพิ่มการค้าภายใน สร้างความยั่งยืนของการรวมกลุ่ม

-  เลขาธิการอาเซียน กล่าวในการประชุมอาเซียน บิซิเนส ฟอรั่ม ว่า ปัจจุบันอาเซียนค้าขายกับโลก 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีการค้าขายกันเองที่ประมาณร้อยละ 25  ซึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มความร่วมมืออื่น เช่น สหภาพยุโรป (EU) ที่มีการค้าขายกันเองถึงร้อยละ 60  นาฟตาที่ร้อยละ 48


ดังนั้น คิดว่าถ้าหากอาเซียนจะเติบโตอย่างยั่งยืนต้องค้าขายกันเองไม่น้อยกว่าร้อยละ 40   ความท้าทายของอาเซียนอยู่ที่การจะเพิ่มการค้าภายในอาเซียนจากการที่ภาคเอกชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น   เพราะภาครัฐมีความตั้งใจให้การค้าขายเพิ่มมากขึ้นแต่จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าภาคเอกชนไม่ร่วมผลักดัน  


โดยขณะนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนเก่า 6 ประเทศ ลดภาษีนำเข้าเหลือ 0 เป็นจำนวน 99.6 % ของรายการสินค้าทั้งหมด และประเทศอาเซียนใหม่อีก 4 ประเทศ จะลดภาษีเหลือ 0 ในปี 58   ซึ่งเมื่อพื้นที่การค้าเปิดจะทำให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาพร้อมทั้งสร้างประโยชน์จากข้อตกลงที่สมาชิกอาเซียนร่วมสร้างกันมา


- สศค. วิเคราะห์ว่า ในปัจจุบันแม้ว่าคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยคือสหรัฐอเมริกาที่มีสัดส่วน ร้อยละ 10.9 ของการส่งออกรวม แต่หากพิจารณาเป็นรายภูมิภาคพบว่าคู่ค้าอันดับ 1 คือภูมิภาคอาเซียนที่มีสัดส่วนรวมในปี 2552 ร้อยละ 15.1 ของการส่งออกรวม (หรือร้อยละ 16.6 ในช่วง 10 เดือนแรกปี 53 ) ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรกปี 53 ไทยมีการส่งออกไปยังอาเซียนขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 43.4 ต่อปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของการส่งออกรวมที่ร้อยละ 22.4 ต่อปี


3. เศรษฐกิจเยอรมันในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า

-  สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมันในไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.3 ต่อไตรมาส โดยปัจจัยที่มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมันในไตรมาสที่ 3 ได้แก่ การใช้จ่ายภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น ขยายตัวที่ร้อยละ 0.4 ต่อไตรมาสและการส่งออกที่ขยายตัวร้อยละ 0.3 ต่อไตรมาสสศค.วิเคราะห์ว่า


-  สศค.วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจเยอรมันที่ขยายตัวชะลอลง จะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจสหภาพยุโรปปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมันมีขนาดที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปยังคงมีความเปราะบาง โดย GDP ของยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 สามารถขยายตัวได้เพียงร้อยละ 0.4 ต่อปี ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.0 ต่อปี


ในขณะที่มูลค่าการส่งออกของยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 ยังขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 23.1 ต่อปี การใช้จ่ายภายในประเทศยังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่ เนื่องจากอัตราการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนในปี 53 และ 54 จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 1.3 ต่อปี