แคนาดอล กรุ๊ป มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง เดินหน้าสร้างโรงงานใหม่ ผลิตท่อขนส่งปิโตรเลียมสำหรับอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แคนาดอล กรุ๊ป มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง เดินหน้าสร้างโรงงานใหม่ ผลิตท่อขนส่งปิโตรเลียมสำหรับอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยได้ไม่ต่ำกว่า 1.45 หมื่นล้านบาท เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 5,000 ต่ำแหน่ง
นายจาคโคโม ซอซซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แคนาดอล กรุ๊ป กล่าวว่า การลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อผลิตท่อขนส่งปิโตรเลียมสำหรับอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันและกาซธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ มูลค่าการลงทุน 20,000 ล้านบาท หรือประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าเริ่มก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2556 จากนั้นคาดว่าจะสร้างเงินหมุนเวียนเข้าสู้ระบบเศรษฐกิจไทยไม่ต่ำกว่า 14,500 ล้านบาท เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 5,000 ตำแหน่ง สามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตท่อเหล็กที่มีคุณภาพสูงให้กับวิศวกรชาวไทยและแรงงานคุณภาพ ซึ่งถึงเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และจะสามารถผลิตท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรองรับความต้องการท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้
โรงงานแห่งใหม่ มีกำลังการผลิตถึง 1.2 -1.5 ล้านตันต่อปี เบื้องต้นคาดว่าจะผลิตให้ได้ตามความต้องการ 800,000-900,000 ตันต่อปี เนื่องจากมีอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องการใช้ระบบท่อส่งที่มีคุณภาพในระหว่างการทำพิธีสร้างโรงงานแห่งใหม่
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคนาดอลกรุ๊ป กล่าวถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยว่า ไทยถือเป็นประเทศที่มีความพร้อมในการเป็นที่ตั้งของโรงงาน คุณภาพของแรงงานไทย รวมทั้งมีสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทำให้มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน
แต่หากเทียบกับการลงทุนในเวียดนามแล้วการเจราจากับระดับของผู้บริหารประเทศเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ หรือนโยบายด้านภาษี ค่าจ้างแรงงานน่าสนใจเข้าไปลงทุนมากกว่าไทยแต่ต้องใช้เงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก ซึ่งต่างจากไทยที่มีความพร้อมด้านนี้มากกว่า เช่น ความพร้อมของท่าเรือในการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่
ส่วนการที่รัฐบาลมีแผนทบทวนการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งเสริมการลงทุน นายซอซซี ย้ำว่าการปรับขึ้นหรือลงของภาษีจากบีโอไอไม่สำคัญเท่ากับการประสานระหว่างกันของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเข้ามาลงทุน แม้ในประเทศไทยจะมีปัญหาการเมือง แต่มองว่าเป็นปกติของประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและประเทศที่กำลังพัฒนาและมองว่าไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
นอกจากนี้เห็นว่าเป็นการโฆษณาเพื่อดึงดูดนักลงทุนมากกว่าถ้าหากมีการปรับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนก็ไม่ถือว่าเป็นปัจจัยต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมากนัก ขณะที่การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว รัฐบาลไทยยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนต่อการวางนโยบายเศรษฐกิจในระยะยาวเหมือนเวียดนามที่สามารถตัดสินใจได้ในทันที เนื่องจากไทยมีการบริหารประเทศที่เปลี่ยนผู้บริหารและนโยบายอยู่เสมอ
ที่มา : สำนักข่าวไทย, เว็บไซต์รัฐบาลไทย