
ช่วงหน้าร้อน 3 เดือนนี้ประชาชนมีความต้องการใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงสุดจนทะลุ Peak ของปีที่แล้ว กฟผ. วอนประชาชนช่วยกันประหยัด
|
นายคำผุย จีราระรื่นศักดิ์ รองผู้ว่าการอาวุโสกลุ่มธุรกิจระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แจ้งว่า เมื่อวันอังคารที่ 28 มีนาคม 2549 เวลา 14.00 น. ได้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในระบบ มีค่าเท่ากับ 20,744.8 เมกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของปีที่แล้ว เมื่อวันอังคารที่ 26 เมษายน 2548 ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 20,537.5 เมกะวัตต์ เท่ากับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้เพิ่มขึ้นถึง 207.3 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 1.01 |
|
นายคำผุย จีราระรื่นศักดิ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเพิ่มขึ้นว่า เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ทำให้ในวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ มีความต้องการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 19,696 เมกะวัตต์ และจากสภาพอากาศร้อนที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงในสัปดาห์ที่ 2 ของ เดือนมีนาคม ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2549 มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในระบบที่ 20,200.9เมกะวัตต์ |
|
|
| อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอิทธิพลจากมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนที่แผ่ปกคลุมประเทศไทยตั้งแต่วันอังคารที่ 14 มีนาคม 2549 ส่งผลให้ทั่วทุกภาคมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย อุณหภูมิลดลง การใช้ไฟฟ้าจึงลดลงตามเช่นกัน แต่เมื่อสภาพอากาศได้เปลี่ยนแปลงทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ในวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2549 มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 20,325.8 เมกะวัตต์ และได้เพิ่มขึ้นตามลำดับดังนี้ ในวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม เวลา 14.30 น. ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 20,529.10 เมกะวัตต์ วันอังคารที่ 28 มีนาคม 2549 เวลา 14.00 น. ได้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าทำลายสถิติสูงสุดจากปีที่ผ่านมา |
|
รองผู้ว่าการอาวุโสกลุ่มธุรกิจระบบส่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือน มีนาคม-พฤษภาคม คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของระบบจะอยู่ที่ประมาณ 21,657 เมกะวัตต์ ซึ่ง กฟผ. ได้เตรียมแผนการผลิตรองรับไว้ล่วงหน้าคือให้มีกำลังผลิตสำรองพร้อมจ่ายไม่ต่ำกว่า 700 เมกะวัตต์ ดังนั้นกำลังผลิตสำรองของระบบจึงอยู่ในเกณฑ์เพียงพอ ทำให้มีความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าโดยไม่มีปัญหาไฟตกหรือไฟดับ และขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้าอย่างจริงจัง |