เนื้อหาวันที่ : 2010-11-02 10:16:24 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 612 views

กพร.รังวัดเขตเหมืองโปแตช อุดรฯ สำเร็จแล้ว

กพร. เผยได้ทำการรังวัดเขตเหมืองแร่โปแตชอุดรฯ สำเร็จ หลังยืดเยื้อมากว่า 7 ปี พร้อมยืนยันไม่มีการปะทะกับมวลชนอย่างที่เป็นข่าว

.

นายสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้ดำเนินการรังวัดกำหนดเขตพื้นที่คำขอประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2553

.

โครงการเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานีเป็นโครงการที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้ประกาศเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาสำรวจและผลิตโปแตชในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2523 ต่อมาบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ทำสัญญากับกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2527

.

จากการสำรวจทางธรณีวิทยาพบว่ามีปริมาณแร่โปแตชเพียงพอในเชิงพาณิชย์ บริษัท เอเซียฯ จึงได้ยื่นขอประทานบัตรเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2546

.

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เปิดเผยว่า การดำเนินการคำขอประทานบัตรได้ประสบปัญหาร้องเรียนคัดค้านจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ไม่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ ยืนยันที่ผ่านมา กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้ดำเนินการลงพื้นที่ชี้แจงมาอย่างต่อเนื่อง  

.

และล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2553 ได้จัดประชุมชี้แจงการขออนุญาตประทานบัตรตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ภายใต้กรอบมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ณ โรงแรมเซ็นทารา โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุดรธานี

.

โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยส่วนราชการ องค์กรอิสระ และประชาชนในเขตพื้นที่คำขอประทานบัตร ประมาณ 1,600 คน ซึ่งในการประชุมได้ชี้แจงเกี่ยวกับการขออนุญาตประทานบัตร ทำเหมืองแร่ภายใต้กรอบมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน           

.

การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) โครงการเหมืองแร่โปแตชในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และขั้นตอนการขอประทานบัตรเหมืองแร่ใต้ดิน

.

โดยในขั้นตอนแรกจะต้องรังวัดเขตคำขอประทานบัตรเพื่อให้มีความชัดเจนด้านผู้มีส่วนได้เสียและเขตพื้นที่การทำเหมือง จากผลการรังวัดดังกล่าวจะนำไปสู่การจัดทำแผนผังโครงการทำเหมืองแร่ให้มีความเหมาะสมทางวิศวกรรม 

.

การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในการพิจารณาให้ความคิดเห็นและตรวจสอบการดำเนินการ รวมถึงข้อเสนอในการกำหนดเป็นเงื่อนไขแนบท้ายประทานบัตร

.

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้เข้ารังวัดเขตพื้นที่คำขอประทานบัตรเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2553 โดยการใช้เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม (GPS) และวิธีการรังวัดแบบโครงข่ายสามเหลี่ยมตามระเบียบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และได้รังวัดแล้วเสร็จในวันดังกล่าว

.

โดยมีคำขอประทานบัตรจำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 26,446 ไร่ พร้อมยืนยันว่าการรังวัดเป็นไปอย่างถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายของทางราชการทุกประการ และไม่ได้มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มมวลชนตามที่เป็นข่าว

.

การรังวัดครั้งนี้มิได้เป็นข้อผูกพันว่าจะต้องอนุญาตประทานบัตร กล่าวคือ การขออนุญาตประทานบัตรจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามกรอบกฎหมายที่กำหนดทั้งการจัดทำแผนผังโครงการทำเหมืองที่เหมาะสมทางวิศวกรรม การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)

.

การรับฟังความคิดเห็นตลอดจนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย และจะต้องอยู่ภายใต้กรอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับ ยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) โครงการเหมืองแร่โปแตชที่กำลังดำเนินการศึกษา

.

นอกจากนี้การรังวัดดังกล่าวจะทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสียที่อยู่ในพื้นที่คำขอ เพื่อนำไปสู่การรับฟังความเห็น ข้อวิตกกังวล แนวทางการป้องกันแก้ปัญหาตลอดจนการชดเชยเยียวยา รวมทั้งข้อเสนอเกี่ยวกับการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาท้องถิ่น เป็นต้น