กรีนพีซเดินหน้าเรียกร้องรัฐบาลอินโดนีเซียเลิกแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน พร้อมหันหน้าใช้พลังงานสะอาด เผยชาวอินโดนีเซียกำลังรับเคราะห์จากการใช้เชื้อเพลิงสกปรกที่สุดในโลก
. |
กรีนพีซเดินหน้าเรียกร้องรัฐบาลอินโดนีเซียเลิกแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน พร้อมหันหน้าใช้พลังงานสะอาด เผยชาวอินโดนีเซียกำลังรับเคราะห์จากการใช้เชื้อเพลิงสกปรกที่สุดในโลก |
. |
กรีนพีซเดินหน้าเรียกร้องต่อรัฐบาลอินโดนีเซียให้ยกเลิกแผนการที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้น และ เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน การเรียกร้องครั้งนี้มีขึ้นระหว่างการเปิดตัวรายงานฉบับล่าสุดที่มีชื่อว่า Batubara mematikan – บทเรียนราคาแพงของถ่านหินราคาถูก ชาวอินโดนีเซียกำลังรับเคราะห์กรรมจากการใช้เชื้อเพลิงสกปรกที่สุดของโลกชนิดนี้อย่างไร |
. |
นอกจากนี้ชาวประมงจากหมู่บ้าน Waruduwur และ นักเคลื่อนไหวกรีนพีซยังได้แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องโดยใช้ผงถ่นหินสีดำทาตัว และคลี่ป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "ถ่านหินมรณะ" บนเรือประมงที่ลอยลำอยู่หน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เมือง Cirebon |
. |
“มลภาวะที่เกิดจากการเผาไหม้ถ่านหินทำลายวิถีชีวิตของผู้คน ชะลอผลผลิตทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อการจับปลา และ กำลังคร่าชีวิตผู้คนอย่างช้าๆ ถ่านหินคือต้นเหตุแห่งหายนะภัยของชุมชนที่ตั้งอยู่รอบๆเหมือง รวมถึงชุมชนที่อยู่ใต้เงื้อมเงาของโรงไฟฟ้าถ่านหิน การเผาไหม้ถ่านหินยังเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ |
. |
ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมีการเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน้อยที่สุดของโลก” นายอารีฟ ฟิยันโต ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว |
. |
ในรายงานยังแสดงให้เห็นถึงการที่เหมืองถ่านหิน และโรงไฟฟ้าได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและวิถีชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆอีกด้วย เรื่องราวเหล่านี้เปิดโปงถึงมหันตภัยต่อเนื่องที่เกิดจากการใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลภาวะ การทำลายวิถีชีวิตผู้คน การเคลื่อนย้ายชุมชน |
. |
ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท ฝนกรด หมอกควันพิษ และ ผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในการดั้นด้นค้นหาแหล่งพลังงานไฟฟ้าราคาถูกนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียและภาค อุตสาหกรรมได้เพิกเฉยต่อความจริงที่กำลังเกิดขึ้น |
. |
ถ่านหินอาจจะดูเหมือนเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่ดูจะเหมาะสมที่สุดเพราะมีจำนวนมหาศาล แต่ทว่าขั้นตอนตั้งแต่การเริ่มต้นทำเหมือง การเผาไหม้ ไปจนถึงการจัดการของเสีย และ ในบางกรณีการฟื้นฟูพื้นที่ เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าถ่านหินได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของมนุษย์ และโครงสร้างทางสังคมของชุมชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเหมือง พืชพันธุ์ และพื้นที่กำจัดของเสีย |
. |
การเผาไหม้ถ่านหินนอกจากจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลแล้วมันยังทำลายระบบนิเวศและทำให้แหล่งน้ำปนเปื้อน อีกทั้งยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ เช่น มีเทน ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ รวมทั้งสารพิษอีกหลายตัว เช่น สารหนู และสารปรอท ที่ขัดขวางพัฒนาการทางจิตใจและร่างกายของมนุษย์ |
. |
อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตถ่านหินใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก และเป็นผู้ส่งออกอันดับสอง หลักฐานชัดเจนของผลกระทบร้ายแรงที่เกิดจากการใช้ถ่านหินมีให้เห็นในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ การทำเหมืองถ่านหินส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชนและในเมืองอย่าง Kalimantan กับ Samarinda ซึ่งมีพื้นที่สัมปทานทำเหมืองทั้งหมดร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด |
. |
เหมืองถ่านหินตั้งอยู่ติดกับหมู่บ้าน และ ของเสียจากการทำเหมืองถ่านหินทำให้ทะเลสาบปนเปื้อนสารพิษ ในเมืองเชอริบอน (Cirebon) และ Cilacap โรงไฟฟ้าถ่านหินได้ทำลายวิถีการดำรงชีวิตของชุมชน และ คุกคามสุขภาพของผู้คน |
. |
ปัจจุบันอินโดนีเซียมีแผนการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินอีกประมาณร้อยละ 34.4 ภายในปี 2568 แผนการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการใช้น้ำมันและเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินและแก๊สแทน โดยตั้งเป้าจากพลังงานถ่านหินไว้ที่ 1 หมื่นเมกะวัตต์ แม้ว่าแผนการที่วางไว้นั้นจะต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวน 35 โรงให้แล้วเสร็จภายในปี 2552 โดย 10 แห่งจะตั้งอยู่บนเกาะชวา และที่เหลือจะกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่แผนการดังกล่าวก็ยังเดินหน้าไปไม่ถึงร้อยละ 60 |
. |
“มันยังไม่สายเกินไป อินโดนีเซียไม่จำเป็นต้องมีถ่านหินเพิ่มมากกว่านี้อีกแล้ว สิ่งที่ประเทศต้องการคือการปฏิวัติพลังงาน พลังงานหมุนเวียนเมื่อรวมเข้ากับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสามารถที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ดังที่ประธานาธิบดียูโดโยโน ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอินโดนีเซียลง อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และ ความร้อนใต้พิภพมหาศาลที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานของประเทศได้ |
. |
หากรัฐบาลอินโดนีเซียยอมยกเลิกแผนการใช้พลังงานสกปรกนี้ พวกเขาจะสามารถตอบสนองความต้องการพลังงานพื้นฐานผ่านแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้เหล่านี้ถึงกว่าร้อยละ 40 ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยหยุดยั้งกระบวนการทำลายมนุษย์และสังคมเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและผลกระทบอันร้ายแรงจากภาวะโลกร้อน นอกจากนี้มันจะเป็นก้าวสำคัญของการร่วมสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของเราอีกด้วย” นายอารีฟกล่าวสรุป |
. |
ที่มา : กรีนพีซ |