เนื้อหาวันที่ : 2007-02-22 10:16:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2081 views

ไออาร์พีซี วางแผนผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหิน หลังธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนตัวลง

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เตรียมแผนเสนอประมูลไอพีพี เชื้อเพลิงถ่านหิน เหตุคู่แข่งน้อยและมั่นใจเทคโนโลยีสะอาด ส่วนผลประกอบการปี 50 คาดกำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน

สำนักข่าวไทยรายงานข่าว บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)  เตรียมแผนเสนอประมูลไอพีพี เชื้อเพลิงถ่านหิน เหตุคู่แข่งน้อยและมั่นใจเทคโนโลยีสะอาด ส่วนผลประกอบการปี 50 คาดกำไรเพิ่มขึ้น พร้อมประกาศจ่ายปันผลปี 2549 วงเงิน 0.12 สตางค์/หุ้น

.

นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ IRPC กล่าวว่า สนใจจะเข้าร่วมประมูลโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ ( IPP) รอบใหม่ โดยจะเสนอการผลิตไฟฟ้าที่โดยถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง คาดว่าจะมีกำลังผลิตไม่น้อยกว่า 800 เมกะวัตต์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์/เมกะวัตต์ สาเหตุที่ต้องการใช้ถ่านหินเ พราะมั่นใจเรื่องเทคโนโลยีสะอาด ประกอบกับถ่านหินเป็นโครงการใหม่ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง และไออาร์พีซี มีความพร้อมที่จะทำได้

.

นายปิติ กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ IRPC ไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะทำให้ไม่กระทบกำไร และคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อน ขณะเดียวกันก็ได้บริหารจัดการเรื่องของน้ำมันดิบ ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น โดยปีนี้จะเดินเครื่องกลั่นน้ำมันในระดับ 190,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 180,000 บาร์เรล/วัน ในปีก่อน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรรวม ซึ่งรวมถึงธุรกิจกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี จะอยู่ระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 10 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะแม้ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นโดยรวมมีแนวโน้มอ่อนตัวลง แต่บริษัทได้บริหารประสิทธิภาพการสั่งซื้อน้ำมันดิบ เพื่อให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิตมากยิ่งขึ้น โดยสั่งซื้อน้ำมันดิบผ่านกลุ่ม บมจ.ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ รวมถึงมีความร่วมมือกับกลุ่มปตท.ซึ่งจะทำให้ประหยัดต้นทุนลงได้ราว 2,000-2,600 ล้านบาท/ปี

.

สำหรับงบลงทุนช่วง 5 ปี (ปี 2550-2554) มีประมาณ 1,300-1,400 ล้านดอลลาร์นั้น ระยะแรกจะขยายกำลังผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) ชนิดพิเศษ เป็น 56,000ตัน/ปี จาก 16,000 ตัน/ปี เงินลงทุนประมาณ 12 ล้านดอลลาร์ ขยายกำลังผลิตเม็ดพลาสติก ABS เป็น 117,000 ตัน/ปี จาก 96,000 ตัน/ปี ใช้เงินราว 10 ล้านดอลลาร์ ทั้งสองโครงการคาดจะเสร็จในปี 2551 โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 200 เมกะวัตต์ จากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2553 และยังมีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และความปลอดภัย ใช้เงินลงทุนประมาณ 261 ล้านดอลลาร์ ส่วนระยะที่ 2 จะมี 4 โครงการ ได้แก่ ปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน EURO 4 ด้วยเงินลงทุน 360 ล้านดอลลาร์ ปรับปรุงคุณภาพวัตถุดิบผลิตปิโตรเคมี มูลค่า 620 ล้านดอลลาร์ ขยายกำลังผลิตโพรพิลีน มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ และลงทุนขุดลอกท่าเรือน้ำลึก 40 ล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับระวางบรรทุกน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล

.

สำหรับผลประกอบการในปี 2549 ว่า ไออาร์พีซี มีรายได้ 205,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.74 มีต้นทุนขาย 182,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ14.75 และมีกำไรสุทธิ 6,823 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 88.98 สาเหตุของผลกำไรสุทธิที่ลดลง เนื่องจากต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อไตรมาส 4/2549 บริษัทฯ ได้ปิดโรงงานเพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ประมาณ 35 วัน นอกจากนั้น ในปี 2548 บริษัทฯ ได้บันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 35,558.89 ล้านบาท กำไรจากการขายเงินลงทุนระยะยาวจำนวน 18,206.67 ล้านบาท เป็นผลให้ปี 2548 มีกำไรจากรายการพิเศษ 53,765.56 ล้านบาท ขณะที่ปี 2549 ไม่มีรายการดังกล่าว และจากที่ไออาร์พีซีไม่มีการจ่ายปันผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมานานแล้ว ดังนั้น แม้ว่าผลประกอบการปีที่ผ่านมาลดลง แต่บริษัทฯ ยังคงพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ จะเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น คิดเป็นร้อยละ 36.4 ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย.