บีโอไอ เผยตัวเลข 9 เดือน มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกว่า 1,000 โครงการ ชี้ ญี่ปุ่น-สิงคโปร์-จีน ครอง 3 อันดับลงทุนสูงสุด
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) |
. |
บีโอไอ เผยตัวเลข 9 เดือน มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกว่า 1,000 โครงการ ชี้ ญี่ปุ่น-สิงคโปร์-จีน ครอง 3 อันดับลงทุนสูงสุด |
. |
บีโอไอ เผยตัวเลข 9 เดือน มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกว่า 1,000 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 286,100 ล้านบาท ชี้กลุ่มกิจการขนาดกลางไม่เกิน 500 ล้านบาท ได้รับความสนใจสูงสุด สถิติพุ่งจากปีก่อนร้อยละ 46 พร้อมระบุ FDI เงินลงทุน ญี่ปุ่น-สิงคโปร์-จีน ยังแรงครอง 3 อันดับลงทุนสูงสุด |
. |
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึง สถิติการขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2553) ว่า มีนักลงทุนให้ความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอจำนวนทั้งสิ้น 1,107 โครงการ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 44.7 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 765 โครงการ |
. |
ในขณะที่มูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 286,100 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย หรือประมาณร้อยละ 2.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 294,000 ล้านบาท |
. |
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงสุด ได้แก่ กิจการบริการ และสาธารณูปโภค มีจำนวน 308 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 125,300 ล้านบาท กิจการเกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร 191 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 44,000 ล้านบาท และกิจการ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 215 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 34,700 ล้านบาท เป็นต้น |
. |
“จำนวนโครงการที่เพิ่มขึ้นมาก แสดงให้เห็นถึงความสนใจของกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และขยายตัวชัดเจน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนขนาดกลาง ที่มีมูลค่าประมาณ 20-500 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนถึง 683 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่การลงทุนกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 468 โครงการ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 |
. |
จึงอาจทำให้มูลค่าการลงทุนไม่ขยายมากนัก อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ในช่วงปลายปี 2553 นี้ นอกจากการลงทุนในกลุ่มขนาดกลางแล้ว จะยังมีการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มขึ้นอีกมาก อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงานทดแทน” นางอรรชกา กล่าว |
. |
นางอรรชกา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถิติการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 9 เดือน มีจำนวนทั้งสิ้น 605 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 132,996 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 488 โครงการ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.98 ในขณะที่มีมูลค่าเงินลงทุนใกล้เคียงกับมูลค่าเงินลงทุนในช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีมูลค่า 136,409 ล้านบาท |
. |
ทั้งนี้ การลงทุนจากญี่ปุ่นยังเป็นกลุ่มที่เข้ามาลงทุนสูงสุด มีทั้งสิ้น 256 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 55,153 ล้านบาท รองมาคือ การลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ มีทั้งสิ้น 48 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 8,873 ล้านบาท และการลงทุนจากประเทศจีน ที่มี 22 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 8,623 ล้านบาท เป็นต้น |
. |
โดยทั้ง 3 ประเทศเป็นกลุ่มประเทศที่เข้ามาลงทุน และมีสัดส่วนจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของการขยายการลงทุนเพิ่มเติมในไทย โดยญี่ปุ่น มีการลงทุนโครงการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45.45 ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 และการลงทุนจากจีน มีจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.5 |