การพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตข้างหน้าในวันที่แรงงานราคาถูกไม่ใช่ข้อได้เปรียบในการผลิต ส่วนเทคโนโลยีและปัจจัยทุนอื่น ๆ เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตสามารถซื้อหาได้ทั่วไป สิ่งใดจะเป็นทางออกให้กับภาคอุตสาหกรรมได้บ้าง บทบาทของรัฐบาลจะมีหนทางใดที่จะช่วยให้ผู้ผลิตมีความได้เปรียบในการผลิตเพิ่มขึ้นได้บ้าง
. |
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นักพัฒนาอุตสาหกรรมได้มุ่งแสวงหาแนวทางการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือการเพิ่มขีดความสามารถการผลิตให้แก่ผู้ผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันและอยู่รอดได้ในตลาด ทฤษฎีที่สนับสนุนการค้าเสรีหลากหลายทฤษฎี ทั้งสังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และอีกมากมาย ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาความสามารถของผู้ผลิต |
. |
ซึ่งแต่เดิมมาทฤษฎีเหล่านี้ต่างมุ่งเน้นในเรื่องของการ “ลดต้นทุนการผลิต” (Cost Reduction) หรือ “เพิ่มผลิตภาพของปัจจัยการผลิต” (Increasing of Production Efficiency) ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วก็เป็นการพัฒนาที่ยืนบนพื้นฐานเดียวกัน |
. |
ขณะที่แนวความคิดของการค้าเสรีนี้ได้ทำให้เกิดลักษณะเด่นของระบบอุตสาหกรรมในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา นั่นคือการย้ายฐานการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเพื่อแสวงหาปัจจัยการผลิตราคาถูก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงาน (Labor Intensive) ที่มีการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตไปตามประเทศต่างๆ ในโลกเพื่อแสวงหาแรงงานราคาต่ำ |
. |
ในขณะเดียวกัน ผลของการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังประเทศต่างๆ การกระจายรายได้เหล่านั้นทำให้ประเทศที่เคยมีค่าจ้างแรงงานต่ำมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีผลให้มาตรฐานการดำรงชีวิต (Standard of Living) ดีขึ้น ค่าแรงที่เคยอยู่ในระดับต่ำจึงเพิ่มสูงขึ้น และในที่สุด ประโยชน์ของผู้ผลิตในการย้ายฐานการผลิตเพื่อลดต้นทุนค่าแรงเหล่านั้น จึงค่อยๆ หมดไป |
. |
ดังนั้น ในฐานะนักพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตข้างหน้าในวันที่แรงงานราคาถูกไม่ใช่ข้อได้เปรียบในการผลิต ส่วนเทคโนโลยีและปัจจัยทุนอื่นๆ เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตสามารถซื้อหาได้ทั่วไปนั้น สิ่งใดจะเป็นทางออกให้กับนักพัฒนาอุตสาหกรรมได้บ้าง และบทบาทของภาครัฐฯ ในฐานะผู้กำหนดนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมมีหนทางใดที่จะช่วยให้ผู้ผลิตมีความได้เปรียบในการผลิตเพิ่มขึ้นได้บ้าง? |
. |
บทความนี้ จะชี้ให้เห็นถึงแนวทางของการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในอนาคตโดยใช้การอธิบายในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มหภาค และยกสมการของ Cobb-Douglas เป็นตัวอย่างที่จะชี้ให้เห็นถึงความเหมาะสมที่จะพัฒนาปัจจัยการผลิตอื่นๆ นอกเหนือจากทุนและแรงงาน |
. |
เนื่องจากทั้งปัจจัยทุนและแรงงานที่เราให้การส่งเสริมและพัฒนาในทิศทางเดิมอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานนั้นอาจจะถึงขีดขั้นที่เราไม่สามารถสร้างผลผลิตจากปัจจัยเหล่านั้นได้อย่างคุ้มค่าอีกต่อไปเนื่องจากแรงงานราคาถูกที่เคยสร้างความได้เปรียบให้กับผู้ผลิตกำลังจะหมดไป |
. |
ขณะเดียวกันราคาปัจจัยทุนก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทุกขณะโดยเฉพาะสินค้าประเภทพลังงานและเชื้อเพลิง ฉะนั้น จึงถึงเวลาที่นักพัฒนาอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ผลิตจะต้องพิจารณาการพัฒนาปัจจัยการผลิตอื่นๆ ซึ่งก็คือส่วนที่นอกเหนือจากทุนและแรงงานที่อยู่ในสมการการผลิตซึ่งสามารถนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้ความสามารถในการผลิตดีขึ้น |
. |
ปัจจัยการผลิตที่นอกจากทุนและแรงงานที่สามารถเพิ่มความสามารถในการผลิตได้นั้น นอกจาก Innovation,Creativity และ Human Capital ที่ถูกกล่าวถึงในหลายๆ ทฤษฏีแล้ว ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศการขนส่ง การบริหารและการจัดการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของระบบโลจิสติกส์ และเป็นส่วนที่สามารถส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับผู้ผลิตได้ |
. |
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ในปัจจุบันได้มีการส่งเสริมการพัฒนาและกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ความสำคัญของระบบโลจิสติกส์กันอยู่บ้างแล้วก็ตาม แต่การพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพเพียงพอที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ผลิตอย่างเป็นรูปธรรมนั้น จำเป็นต้องพิจารณาระบบโลจิสติกส์อย่างเป็นองค์รวม หรืออย่างที่เป็น “อุตสาหกรรมโลจิสติกส์” |
. |
รู้จักกับโลจิสติกส์ |
รากศัพท์ของ logistics ถอยหลังไปถึงศตวรรษที่ 19 โดยมีความหมายถึงการเคลื่อนย้าย หรือระบบพลาธิการทหาร แต่ช่วงเวลาที่คำนี้ได้ถูกนำมาใช้และแนะนำให้โลกรู้จักอย่างแพร่หลาย ก็คือในช่วงปี 2533 ในสงครามอ่าวเปอร์เซีย (Gulf War) |
. |
ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้กล่าวถึงกลยุทธ์ (Strategy) ที่สร้างความสำเร็จในการรบ ซึ่งมาจากการมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การจัดการส่วนสนับสนุนการรบที่ดี โดยการจัดกำลังพล อาหาร และอาวุธยุโธปกรณ์ไปในพื้นที่ที่มีความต้องการได้์ในจำนวนที่เพียงพอและทันต่อเวลา |
. |
คำจำกัดความ |
ดังที่ได้กล่าวข้างต้นว่ารากศัพท์ของโลจิสติกส์นั้นนับถอยหลังไปถึงศตวรรษที่ 19 โดยใน Oxford English Dictionary ได้ให้ความหมายของโลจิสติกส์ไว้ว่า “...the detailed coordination of a complex operation involving many people, facilities, or supplies...Military: the organiztion of moving, housing, and supplying troops and equipment...the commercial activity of transporting goods to customers...” |
. |
ในความหมายดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นว่า โลจิสติกส์ประกอบไปด้วยหน่วยธุรกิจหลายส่วนที่มีการทำงานที่ซับซ้อนร่วมกัน จึงเรียกได้ว่าเป็นระบบโลจิสติกส์ โดยในทางการทหาร วัตถุประสงค์ของระบบโลจิสติกส์คือการส่งกำลังพลาธิการสนับสนุนการรบ ส่วนในภาคการค้าคือการนำพาสินค้าไปสู่ผู้บริโภค |
. |
นอกจากนั้นแล้ว ในศตวรรษที่ 20 เมื่อระบบโลจิสติกส์ได้รับความสนใจในแง่ที่เป็นกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จของทางการทหารและในทางการค้า ก็ได้มีผู้ให้คำจำกัดความของระบบโลจิสติกส์ไว้เพิ่มเติม เช่น |
. |
“...กระบวนการวางแผน การดำเนินการ การควบคุม การไหลเวียนและการจัดเก็บสินค้า บริการ และสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล จากจุดเริ่มต้น (Point of Origin) จนถึงจุดของการบริโภค (Point of Customer) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค...” จากสภาการจัดการโลจิสติกส์แห่งสหรัฐอเมริกา (Council of Logistics Management: CLM) |
. |
“...คือการทำให้อุปทาน (supply) ไปเจออุปสงค์ (demand) อย่างมีประสิทธิภาพ...หมายถึงการบริหารทรัพยากรที่ตั้งอยู่บนโครงของโซ่อุปทาน (supply chain) ซึ่งมองกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ...ฉะนั้น ต้องครอบคลุมตั้งแต่ การบริหารจัดการวัตถุดิบ การบริหารจัดการการสั่งซื้อ การวางแผนการผลิต การจัดลำดับการผลิต การจัดกำลังการผลิต การจัดการโกดังสินค้า การจัดการวัสดุคงคลัง... |
. |
จนกระทั่งไปถึงการจัดการการขนส่งไปถึงมือลูกค้า การจัดการการขายและบริการลูกค้า...” จาก ผศ.ดร.ดวงพรรณ ศฤงคารินทร์ ผู้ประสานงานชุดโครงการ “โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน” สกว. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา |
. |
จากการให้คำจำกัดความข้างต้น จะเห็นได้ว่า ระบบโลจิสติกส์จะครอบคลุมองค์ประกอบหลัก 3 ส่วนคือ |
. |
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ควรจะต้องเข้าใจก็คือว่าเนื้อแท้ของระบบโลจิสติกส์นั้นไม่ใช่เพียงแค่องค์ประกอบหลักทั้ง 3 เท่านั้น แต่เป็นการประยุกต์ใช้องค์ประกอบทั้งสามให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อการผลิต ซึ่งในที่สุดผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้บริโภคโดยรวมนั่นเอง |
. |
มองโลจิสติกส์ในแง่เศรษฐศาสตร์ ในการพิจารณาสมการการผลิตของ Cobb-Douglas Y = ALαKβ, (1) หากนำสมการข้างต้นมาแปรให้เป็นสมการเส้นตรง (Linear equation) จะได้เป็น Y = A+αL+βK (2) |
. |
เมื่อ Y คือ ผลผลิต L คือ แรงงาน K คือ ปัจจัยทุน A คือ ความสามารถในการผลิตจากปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทุนและแรงงาน α คือ สัมประสิทธิ์ (Coefficient) ของแรงงาน β คือ สัมประสิทธิ์ (Coefficient) ของทุน |
. |
แผนภาพที่ 1 |
. |
จากแผนภาพที่ 1 S1 และ S2 คือสมการการผลิตของผู้ผลิต Y คือปริมาณการผลิต |
. |
จากสมการการผลิตที่อ้างถึงข้างต้น ในทางทฤษฎีการเพิ่มผลผลิตหรือ Y นั้น สามารถทำได้ 3 วิธี ดังนี้ |
1. เพิ่มปริมาณปัจจัยการผลิต (K, L) โดยการเพิ่ม ทุน1 แรงงาน แต่ข้อสันนิษฐานนี้จะเป็นจริงในทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการได้ ก็ต่อเมื่อสถานประกอบการสามารถรองรับปริมาณปัจจัยทุนและแรงงานรวมทั้งวัตถุดิบที่จะนำมารอการผลิตที่มากขึ้น หาไม่แล้วปรากฏการณ์ Decreasing returns of factor of production หรือการที่อัตราการเพิ่มผลผลิตลดลงจากการเพิ่มปัจจัยการผลิตก็จะเกิดขึ้นได้ |
. |
โดยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ท้าทายและเป็นความต้องการของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมตลอดมา ก็คือการเพิ่มปริมาณ Y (Y1 -> Y2) โดยรักษาหรือพยายามคงระดับ K และ L เพราะการเพิ่มขึ้นของตัวแปรทั้ง 2 หมายถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้จึงเป็นที่มาของความพยายามในการเพิ่มความสามารถในการผลิต |
. |
2. เพิ่มสัมประสิทธิ์ (coefficient) ของปัจจัยการผลิต |
จากข้างต้น การพิจารณาเพิ่มปัจจัยการผลิตต่างๆ ของผู้ผลิตมักจะมีต้นทุนแฝงที่ต้องคำนึงถึง ดังนั้นทางเลือกของผู้ผลิตคือ เพิ่มความสามารถในการผลิตให้กับปัจจัยการผลิตแต่ละตัว ซึ่งในทางเศรษฐมิติ ก็คือการเพิ่มสัมประสิทธิ์ (coefficient) ของ K และ L (หรือ α และ β ในสมการของ Cobb-Douglas) ซึ่งจะมีผลทำให้ความชันของเส้นกราฟการผลิตเปลี่ยนไป จาก S1 เป็น S2 (แผนภาพที่ 1) |
. |
3. การพัฒนาปัจจัยการผลิตอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทุนหรือแรงงาน เช่น การนำเทคโนโลยี การขนส่ง การบริหารและการจัดการที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ซึ่งก็คือองค์ประกอบหลักทั้งหมดของระบบโลจิสติกส์นั่นเอง |
. |
ฉะนั้น โลจิสติกส์ในสมการการผลิต ก็คือองค์ประกอบของปัจจัยการผลิตที่ไม่ใช่ทุนและแรงงาน แต่เป็นองค์ประกอบหลักที่แทรกอยู่ในทุก ๆ ส่วนที่ไม่ใช่ K และ L หรืออาจกล่าวได้ว่า โลจิสติกส์ คือตัวขับเคลื่อน A ในสมการของ Cobb-Douglas นั่นเอง2 |
. |
พัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ |
หากพิจารณาว่าองค์ประกอบของโลจิสติกส์ทั้ง 3 คือ เทคโนโลยีและสารสนเทศ การขนส่ง การบริหารและการจัดการ เป็นปัจจัยการผลิตที่เป็นตัวขับเคลื่อน A ในสมการของ Cobb-Douglas แล้วนั้น ผลของการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของ A จะแตกต่างจากการปรับปรุงสัมประสิทธิ์ปัจจัยการผลิตของ K และ L อย่างไรนั้น พิจารณาได้จากสมการ (2) จะเห็นว่า A คือจุดตัดแกน Y การพัฒนาการผลิตโดยการยกระดับ A จาก A1 เป็น A2 |
. |
โดยการปรับปรุงองค์ประกอบทั้ง 3 ดังกล่าว ย่อมมีผลต่อการยกระดับการผลิตของปัจจัยการผลิตในทุกระดับชั้นของห่วงโซ่การผลิต ซึ่งจะทำให้เกิดการขยับขึ้นของเส้นกราฟการผลิตของผู้ผลิต (แผนภาพที่ 2) เป็นลักษณะของการขยับที่แสดงถึงประสิทธิภาพของผู้ผลิตที่เพิ่มขึ้นในทุกระดับของขนาดทุนและแรงงานที่มีอยู่ จึงเห็นได้ว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการเพิ่มสัมประสิทธิ์ของปัจจัยการผลิต K และ L ทีละตัว |
. |
แผนภาพที่ 2 |
. |
อย่างไรก็ดี เนื่องจากระบบโลจิสติกส์ครอบคลุมหน่วยธุรกิจ ผลิตภัณฑ์และบริการหลายสาขา การจะพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้สามารถเป็นส่วนที่ช่วยสนับสนุนการผลิตส่วนอื่นๆ ได้นั้น จึงอยู่ที่ว่าจะสามารถสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างหน่วยงานและหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่ |
. |
เพราะการจะพัฒนาให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือและมีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนและเป็นไปในทางเดียวกัน ฉะนั้นการพัฒนาโลจิสติกส์ให้เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจต่าง ๆ และรวบรวมหน่วยธุรกิจจำนวนมากเข้ามาอยู่เป็นอุตสาหกรรมเดียวอย่างบูรณาการนั้นจึงมีความสำคัญ |
. |
เพราะในท้ายที่สุดหากดำเนินการได้สำเร็จและสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วไม่เพียงแต่จะเป็นขยับเส้นกราฟการผลิตให้มีความชันสูงขึ้นเหมือนการพัฒนาความสามารถของ K และ L เท่านั้น แต่จะสามารถขยับสมการการผลิตทั้งเส้นให้ไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นได้ ซึ่งจะถือเป็นแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพของภาคการผลิตทั้งหมดโดยตรง |
. |
ผลพลอยได้ของการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ |
การพัฒนาให้เกิดระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพโดยการสร้างเป็นอุตสาหกรรมได้นั้น นอกจากเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ภาคการผลิตโดยตรงแล้ว ยังมีผลพลอยได้แก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวม ได้แก่ |
. |
1. เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น |
. |
ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จึงถือได้ว่าเป็นการทำให้ต้นทุนโดยรวมของสังคมลดลง หรือใน อีกแง่หนึ่ง ก็คือการเพิ่มขึ้นของมาตรฐานและคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคโดยรวมนั่นเอง |
. |
แนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ |
ในหลายประเทศหน่วยงานภาครัฐได้ผลักดันให้เกิดองค์ประกอบที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้แก่ |
1. ด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ มีการส่งเสริม ช่วยเหลือพัฒนาระบบการค้าและผลักดันระบบการค้าให้เข้าสู่ระบบ e-commerce โดย |
. |
1.1 การส่งเสริมให้เกิดการพัฒนามาตรฐานสินค้าเพื่อนำสินค้าเข้าสู่ตลาดกลางทางอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากการเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น สินค้าต้องมีมาตรฐานเพียงพอที่จะสามารถแบ่งกลุ่มประเภทและขนาดได้ นอกจากนั้น การสร้างมาตรฐานสินค้ายังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับการซื้อ ขาย และตั้งราคาอีกด้วย |
. |
1.2 การส่งเสริมให้มีตลาดกลางและตลาดรวมสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-market) ที่สนับสนุนโดยภาครัฐเพื่อช่วยผู้ผลิตและผู้ค้าโดยรวมในการกระจายสินค้าและเข้าถึงวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถการแข่งขัน |
. |
2. ด้านการขนส่ง ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ (3rd Party Service Provider) โดยส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ในผู้ผลิตและผู้บริโภค เพื่อสร้างประสิทธิภาพการขนส่งให้มีมากยิ่งขึ้น |
. |
3. ด้านการบริหารและการจัดการ สนับสนุนการสร้างระบบช่วยการตัดสินใจ (Decision Support) ต่างๆ ได้แก่ |
. |
บทสรุป |
การพัฒนาอุตสาหกรรมได้เดินทางบนแนวทางเดิมมาเป็นระยะเวลาหลายปี ถึงแม้ว่าการพัฒนาปัจจัยการผลิตหลักทั้งทุนและแรงงานนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่การพิจารณาพัฒนาปัจจัยการผลิตส่วนอื่นอาจให้ความคุ้มค่ามากกว่า |
. |
ดังนั้น การพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่ออนาคตควรเป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นอุตสาหกรรมที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของปัจจัยการผลิตอื่นที่ไม่ใช่ทุนหรือแรงงาน ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ |
. |
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมที่นำองค์ประกอบหลัก 3 ส่วนคือ เทคโนโลยีและสารสนเทศการขนส่ง การบริหารและการจัดการ เข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการผลิต จึงเป็นอุตสาหกรรมที่นำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้อย่างคุ้มค่า (Resources Utilization) จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับปัจจัยการผลิตในทุกระดับชั้นของห่วงโซ่การผลิต |
. |
นอกจากนั้นแล้ว อุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะเป็นอุตสาหกรรมที่ประกอบไปด้วยหน่วยธุรกิจและหน่วยงานจากหลายสาขา และเพื่อจะทำให้หน่วยงานที่หลากหลายเหล่านั้นประสานงานและดำเนินการเพื่อเป้าประสงค์เดียวกันซึ่งก็คือการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของประเทศโดยรวมนั้น จำเป็นต้องพึ่งพานโยบายสนับสนุนที่ชัดเจนเพื่อผลักดันให้การพัฒนามีความสอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน |
. |
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ประสบผลสำเร็จก็จะส่งผลให้ต้นทุนของผู้ผลิตและผู้บริโภคในประเทศลดลงและท้ายที่สุดคือการเพิ่มขึ้นของมาตรฐานและคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ |
. |
น.ส.ฐิติพร กังสัมฤทธิ์ (titiporn@oie.go.th) นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ส่วน อก.2 ส.ร. 1 สศอ. |
. |
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม |