เนื้อหาวันที่ : 2010-10-06 10:03:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 583 views

สหวิริยาแจงไม่เจตนารุกที่รัฐ ยันพร้อมรับคำตัดสินของศาล

เครือสหวิริยาส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและความคืบหน้ากรณีที่ดินของเครือสหวิริยาจำนวน 52 แปลง ถูกกรมที่ดินเพิกถอนสิทธิ 
.
หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงความคืบหน้ากรณีที่ดินของเครือสหวิริยาจำนวน 52 แปลง ถูกกรมที่ดินเพิกถอนสิทธิ 

นายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ เครือสหวิริยา ขอเรียนชี้แจงว่า จากเหตุการณ์ที่เครือสหวิริยา ได้ถูกกรมที่ดินเพิกถอนสิทธิในที่ดินจำนวน 52 แปลง คิดเป็นพื้นที่กว่า 800 ไร่ ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อต้นปี 2553 นั้น เครือสหวิริยาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่องให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่บางสะพาน โดยมีข้อเท็จจริงตามลำดับเหตุการณ์ดังนี้

.

ตั้งแต่ปี 2534: บริษัทในเครือสหวิริยาได้ถือครองที่ดินดังกล่าว – จำนวน 52 แปลง จำนวนที่ดินทั้งหมดกว่า 800 ไร่ โดยบริษัทได้ทำการซื้อที่ดินจากคนในชุมชนที่นำมาขาย ซึ่งมีการครอบครองทำประโยชน์มาตั้งแต่เริ่มแรก เครือสหวิริยาได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน มีการจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐ และมีเอกสารที่ถือครองอยู่ออกโดยหน่วยงานของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

.

ปี 2550: กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงได้ร้องเรียนให้กรมที่ดินมาตรวจสอบพื้นที่ 52 แปลงดังกล่าว

ปี 2550-2553: กรมที่ดินได้รับเรื่องและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกันมาระยะหนึ่ง และเมื่อต้นปี 2553 กรมที่ดินได้มีการออกหนังสือแจ้งมายังเครือสหวิริยาว่า จะดำเนินการเพิกถอนสิทธิและขอแก้ไขเอกสารสิทธิบางส่วนที่บริษัทถือครองอยู่

.

29 มกราคม 2553: เครือสหวิริยาได้ทำการอุทธรณ์คำสั่งที่กรมที่ดินในการเพิกถอน และแก้ไขเอกสารที่ดินบางส่วนของเครือสหวิริยา

.

8 มิถุนายน 2553: เครือสหวิริยาได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ว่า รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน ได้พิจารณาคำอุทธรณ์ของเครือสหวิริยาแล้วเห็นว่า คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้เพิกถอนและแก้ไข น.ส.3ก. จำนวนประมาณ 52 แปลง ซึ่งมีชื่อบริษัทในเครือสหวิริยาถือสิทธิครอบครองดังกล่าวเป็นการชอบแล้ว และได้ยกอุทธรณ์ของเครือสหวิริยา 

.

1 กันยายน 2553: เครือสหวิริยาได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ภายในระยะเวลา 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดในรายละเอียดดังนี้

1.ขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ให้เพิกถอน น.ส.3ก. และขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของรองปลัด มท.(คดีดำที่ 1335/53)
2.ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง
3.ยื่นคำร้องขอให้กำหนดวิธีการหรือมาตรการเยียวยาก่อนศาลมีคำพิพากษา

.

โดยศาลประทับรับคำฟ้องเรียบร้อย และได้มีการไต่สวนเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2553 และศาลพร้อมดำเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป

.

เครือสหวิริยา ใคร่ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าวเป็นการเข้าซื้อที่ดิน ที่มี น.ส.3ก. หรือมีเอกสารสิทธิมาโดยชอบตั้งแต่ปี 2534 แล้ว จึงเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน การที่กรมที่ดินเพิกถอน น.ส.3ก. จำนวน 52 แปลง เครือสหวิริยา ได้เรียนยืนยันมาโดยตลอดเวลาว่า มีการซื้อที่ดินดังกล่าวมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน          

.

มีการจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐ และเอกสารที่ถือครองอยู่ได้ออกโดยหน่วยงานของรัฐ จึงไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดินของรัฐแต่ประการใด และกรณีการถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3ก. เครือสหวิริยา ได้ฟ้องร้องขอความเป็นธรรม ตลอดจนพึ่งบารมีศาลปกครองไปภายในระยะเวลาที่กรมที่ดินกำหนดให้แล้ว

.

เครือสหวิริยา จึงขอย้ำว่า จากนี้ไปจะไม่ขอชี้แจงเพิ่มเติมในประเด็นนี้อีก เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองแล้ว ขอให้ศาลสถิตย์ยุติธรรมท่านพิจารณาตัดสินชี้ผิดถูก ซึ่งเครือสหวิริยาก็พร้อมจะน้อมรับทุกประการ