เนื้อหาวันที่ : 2010-09-29 08:34:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2119 views

ดัชนีอุตฯ ส.ค.พุ่ง 8.67% ใช้กำลังการผลิต 64.03%

สศอ.เผยการผลิต Hard disk drive เริ่มปรับฐานชะลอลงเล็กน้อย ขณะที่การผลิตยานยนต์-เครื่องปรับอากาศ –แปรรูปสัตว์น้ำ-การผลิตสบู่และผงซักฟอก ไปได้สวย หนุนดัชนีอุตฯส.ค.พุ่ง 8.67% กำลังการผลิต 64.03%

.

สศอ.เผยการผลิต Hard disk drive เริ่มปรับฐานชะลอลงเล็กน้อย ขณะที่การผลิตยานยนต์-เครื่องปรับอากาศ –แปรรูปสัตว์น้ำ-การผลิตสบู่และผงซักฟอก ไปได้สวย หนุนดัชนีอุตฯส.ค.พุ่ง 8.67% กำลังการผลิต 64.03%

.

นายสมชาย หาญหิรัญ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) เดือนสิงหาคม 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.67% เมี่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการขยายตัวตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน หลังจากเผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก เมื่อกลางปี 2551 ต่อเนื่องถึงปี 2552 ที่ผ่านมา   

.

โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตภาพรวมเฉลี่ย 64.03% อุตสาหกรรมที่ส่งผลต่อการขยายตัวของ MPI เดือน ส.ค. เมื่อเทียบกับเดีอนเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญได้แก่ การผลิตรถยนต์ การผลิตเครื่องปรับอากาศ การแปรรูปสัตว์น้ำ เป็นต้น ขณะที่การผลิต Hard disk drive มีการชะลอลงเล็กน้อย 

.

การผลิตรถยนต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้น 44.9% และ 39.6%ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของโลกและของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับตลาดภายในประเทศได้รับผลดีจากค่ายรถยนต์ต่างมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง                     

.

รวมทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวได้ดีจึงส่งผลให้เกษตรกรมีกำลังซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น และมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ตลาดส่งออกผู้ประกอบการมีการปรับแผนการผลิต เพื่อรองรับตลาดส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น 

.

การผลิตเครื่องปรับอากาศ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น 62.6%และ47.4% ตามลำดับ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวผู้ประกอบการได้ส่งสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ 

.

โดยอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องปรับอากาศของประเทศไทยมีขีดความสามารถที่สูงและได้มาตรฐาน สามารถผลิตเครื่องปรับอากาศเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะตลาดยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป หรือ อียู ที่มีการออกมาตรการเพื่อปกป้องผู้บริโภคมากมาย จนกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการเหล่านั้น

.

การแปรรูปสัตว์น้ำ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น 3.4%และ7.4% เนื่องจากผลิตภัณฑ์หลักในกลุ่มปลาทูน่ากระป๋อง ปลาซาดีนกระป๋อง กุ้งแช่แข็ง และปลาแช่แข็ง มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามทิศทางการฟื้นตัวของเสรษฐกิจโลก รวมทั้งผู้ประกอบการมีช่องทางการขยายตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น รัสเซีย เป็นต้น 

.

การผลิตสบู่และผงซักฟอก เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น 11.8%และ4.9% เนื่องจากผู้ผลิตมีการพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และมีกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อการโปรโมทผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเรียกความสนใจต่อผู้ใช้สินค้า

.

รวมทั้งเป็นการขยายฐานการตลาดกลยุทธ์ส่งเสริมการขายอาจมีวัตถุประสงค์หนึ่งคือช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดให้เพิ่มขึ้น และสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่จากผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอออกมา จึงเป็นเหตุให้ยอดการผลิตและจำหน่ายสูงขึ้นดังกล่าว และคาดว่าสินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่มนี้จะมีความคึกคักต่อเนื่องรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 

.

ขณะที่ การผลิต Hard disk drive เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและการจำหน่ายลดลง 4.7%และ 1.1% ซึ่งเป็นการปรับฐานการผลิตและจำหน่าย เพื่อให้สอดคล้องกับสต๊อกสินค้า อีกประการหนึ่งเนื่องมาจากการผลิตและจำหน่ายสินค้ากลุ่มนี้

.

ผู้ประกอบการจะวางแผนเป็นรายไตรมาส โดยปกติเดือนที่ 1 และ 2 ของไตรมาสการผลิตและจำหน่ายจะไม่เร่งมากนัก และปริมาณสต๊อกยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะเร่งผลิตและระบายสินค้าออกไปในเดือนที่ 3 ของไตรมาส จึงคาดว่าในเดือนกันยายน ยอดการผลิตและจำหน่ายจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง และในไตรมาสสุดท้ายของปี 

.

นอกจากนี้ นายสมชาย ยังได้สรุปภาพรวมภาพรวม MPI เดือนสิงหาคม 2553 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ดังนี้

ดัชนีผลผลิต (มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 184.14 เพิ่มขึ้น 8.67% จากระดับ 169.45 ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 186.68 เพิ่มขึ้น 9.26% จากระดับ 170.86 ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง 190.29 เพิ่มขึ้น 13.86% จากระดับ 167.12 ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 121.00 เพิ่มขึ้น 10.86% จากระดับ 109.14 ดัชนีผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 134.29 เพิ่มขึ้น 5.33% จากระดับ 127.50 โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 64.03%