1. ก.พาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือน ก.ค. ขยายตัว 2 หลักต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ที่ร้อยละ 20.6 |
- กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขยอดการส่งออกของไทยประจำเดือน ก.ค. 53 มีมูลค่าเท่ากับ 15,565 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 20.6 ต่อปี ส่งผลให้ยอดมูลค่าการส่งออกของประเทศไทยสะสมในช่วง 7 เดือนแรกของปีเท่ากับ 108,631 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 34.1 ต่อปี |
. |
ในขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าของไทยในเดือน ก.ค. 53 เท่ากับ 16,504 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ตัวเลขดุลการค้าประจำเดือน ก.ค. 53 ขาดดุลที่ 939 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ดุลการค้าสะสม 7 เดือนยังคงเกินดุลที่ 5,438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
. |
- สศค. วิเคราะห์ว่ามูลค่าการส่งออกของประเทศไทยในเดือน ก.ค. 53 และในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมายังคงขยายตัวในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่องนั้นมีผลมาจากการที่ผู้ส่งออกได้มีการกระจายตลาดไปยังประเทศที่กำลังเกิดใหม่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเปรียบเทียบมูลค่าการส่งออกเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่าหดตัวที่ -12.7 ต่อเดือน เนื่องจากฐานที่สูงในเดือน มิ.ย. 53 จากการเร่งการส่งออกหลังจากที่มีการชะลอตัวในเดือน เม.ย. และ พ.ค. ที่ผ่านมา |
. |
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากระดับมูลค่าการส่งออกแล้วนั้นยังคงบ่งชี้ว่ายังอยู่ในระดับที่สูงแต่การขยายตัวที่ชะลอลงเมื่อพิจารณาเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าน่าจะมาจากการที่ปีฐานที่เคยอยู่ในช่วงวิกฤติเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ อนึ่ง การนำเข้าที่ยังอยู่ในระดับที่สูงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยในด้านการนำเข้าเพิ่มการอุปโภคบริโภคและการลงทุนยังคงอยู่ในระดับที่ดี |
. |
2. นายกรัฐมนตรีมองว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 7 และให้จับตาดูค่าเงินบาท |
- นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 53 จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปีและจะทำให้ทั้งปี 53 สามารถขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 7 ต่อปี ในขณะเดียวกัน ให้จับตาดูค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดเนื่องในระยะถัดไป อีกทั้งให้ระมัดระวังถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปีหน้าเนื่องจากสถานการณ์น้ำอาจจะมีผลกระทบต่อภาคการเกษตร |
. |
สุดท้ายมองว่าการที่ธนาคารกลางเวียดนามประกาศปรับลดค่าเงินดองไม่น่าจะมีผลกระทบกับประเทศไทยมาก และน่าจะเป็นการปรับนโยบายเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อมากกว่า |
. |
- สศค. วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนทีผ่านมาได้มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว น่าจะส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ที่จะประกาศอย่างเป็นทางการโดย สศช. ในวันจันทร์ที่ 23 ส.ค. ออกมาในระดับที่สูง |
. |
ทั้งนี้ สศค.วิเคราะห์ว่าการลดค่าเงินดองที่ร้อยละ 2.1 จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยมากนัก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของเวียดนามที่สูงถึงร้อยละ 8.2 จะเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการเวียดนาม |
. |
3. GDP ไตรมาส 2 ปี 53 ของไต้หวันขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 12.5 ต่อปี (% yoy) |
- GDP ไตรมาส 2 ปี 53 ของไต้หวันขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 12.5 ต่อปี (% yoy) ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 13.5 ต่อปี (% yoy) โดยเป็นผลมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในภาคการบริโภคเอกชนและการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเข้ามาทดแทนภาคการส่งออกที่มีการชะลอลงเล็กในจากแนวโน้มของเศรษฐกิจคู่ค้าหลัก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐฯ และจีน ที่เริ่มแผ่วลง |
. |
- ฝ่ายเลขาฯ วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไต้หวันจะขยายตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ถึงแม้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยการที่เศรษฐกิจไต้หวันสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาและขยายตัวอยู่ในระดับสูง ประกอบกับอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 51 ที่ระดับร้อยละ 5.2 ต่อปี |
. |
ส่งผลให้ภาคการบริโภคเอกชนน่าที่จะยังคงเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไต้หวันในครึ่งปี 53 อย่างไรก็ตามความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไต้หวันคือการที่ภาคการส่งออกมีแนวโน้มแผ่วลง จากเศรษฐกิจคู่ค้าหลักที่มีทิศทางชะลอลง ซึ่งสะท้อนได้จากดัชนีบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออก (Export Orders) ที่ขยายตัวชะลอลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สศค. คาดการว่า ในปี 2553 เศรษฐกิจไต้หวันจะขยายตัวได้ร้อยละ 7.8 ต่อปี |
. |
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง |