EXIM BANK ช่วยผู้ส่งออกไทยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในภาวะเงินบาทแข็งค่าด้วยสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก 2 สกุล เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหรือเงินบาท พร้อมรับทำสัญญาซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) เพื่อเป็นหลักประกันให้กำไรของผู้ส่งออกไม่ผันผวนตามภาวะการขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยน |
. |
ดร.นริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในภาวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจนอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจภาคการส่งออก EXIM BANK พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ส่งออกไทยโดยการให้สินเชื่อเพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในกิจการช่วงก่อนส่งออกเป็น 2 สกุลเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐหรือบาท |
. |
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกสามารถเลือกใช้การกู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและนำเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาทตั้งแต่เริ่มต้น โดยไม่ต้องรอการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐหลังการส่งออก และนำเงินดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับจากการขายสินค้ามาชำระหนี้เงินกู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลงเป็นสกุลเงินบาท เป็นการช่วยลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้แก่ผู้ส่งออก |
. |
ประธานกรรมการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม หากผู้ส่งออกเลือกใช้เงินกู้สกุลเงินบาท ผู้ส่งออกสามารถทำการขายเงินตราต่างประเทศที่จะได้รับจากการส่งออกเป็นการล่วงหน้าได้ โดยการทำสัญญาซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ผู้ส่งออกไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพราะได้ทำสัญญาจองอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้าแล้ว ผู้ส่งออกจึงสามารถคำนวณต้นทุนและกำไรที่แน่นอนได้ตั้งแต่วันที่ทำ Forward Contract |
. |
“Forward Contract ช่วยให้ลูกค้าของ EXIM BANK ไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับเงินค่าสินค้าต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ทำให้กำไรของธุรกิจส่งออกไม่ผันผวนไปตามภาวะการขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยน ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง” ดร.นริศกล่าว |