เนื้อหาวันที่ : 2010-08-04 10:16:55 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1209 views

ดัชนีอุตฯ ครึ่งปีแรกพุ่ง 24% กำลังการผลิตสุดคึก 62.9%

สศอ.เผยครึ่งปีแรกภาคอุตฯ เดินเครื่องผลิตคึกคัก หนุนดัชนีอุตฯ พุ่งพรวด 24% กำลังการผลิต 62.9% ผู้ประกอบการหลายสาขาเล็งลงทุนเพิ่ม รับทิศทางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

สศอ.เผยครึ่งปีแรกภาคอุตฯ เดินเครื่องผลิตคึกคัก หนุนดัชนีอุตฯ พุ่งพรวด 24% กำลังการผลิต 62.9% ผู้ประกอบการหลายสาขาเล็งลงทุนเพิ่ม รับทิศทางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว 

.

นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)

.

นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) ครึ่งปีแรกปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 24.1% เมี่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ ไตรมาตรที่ 4 ปี 2552 ที่ขยายตัว 11.5% (MPI Q1/2553 ขยายตัว 31.0% Q2/2553 ขยายตัว 17.7%) โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตภาพรวมเฉลี่ย 62.9%

.

ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวได้เป็นอย่างดี หลายสาขาอุตสาหกรรมมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับที่อาจจะต้องเพิ่มการลงทุนในเครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ มิฉะนั้นอุตสาหกรรมจะไม่สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ทันกับการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าจากการขยายตัวดังกล่าว สศอ.จึงได้มีการปรับประมาณการ การขยายตัวของ MPI ในปี 2553 อยู่ที่15-16% ซึ่วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากที่ได้ประมาณการไว้เมื่อต้นปี

.

ขณะที่  MPI มิถุนายน 2553 ขยายตัว 14.34% อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 65.6% ซึ่งเป็นไปตามทิศการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมไทย เมื่อภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไทยสามารถรับคำสั่งซื้อได้จากทั่วโลก  สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ทันต่อเวลา จึงเป็นที่มั่นใจของประเทศคู่ค้า

.

นางสุทธินีย์ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แม้จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองแต่ภาคอุตสาหกรรมไทยก็สามารถฝ่าวิกฤตไปได้ โดยอุตสาหกรรมหลักที่ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก เช่น  ยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ก็ขยายตัวอย่างน่าพอใจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

อุตสาหกรรมรถยนต์  ในครึ่งปีแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการผลิตรถยนต์ 769,082 คัน เพิ่มขึ้น 97.66% ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรถยนต์ทุกประเภท โดยจำหน่ายในประเทศ 356,692 คัน เพิ่มขึ้น 54.13% และการส่งออก 418,178 คัน เพิ่มขึ้น 78.11% ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของโลกและของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

.

สำหรับตลาดภายในประเทศได้รับผลดีจากการที่ค่ายรถยนต์ต่างมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ประหยัดพลังงานสำหรับตลาดส่งออกผู้ประกอบการมีการปรับแผนการผลิต เพื่อรองรับตลาดส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น

.

ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยจะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 830,000 คัน เพิ่มขึ้น 36.00% จำหน่ายในประเทศประมาณ 343,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.05% และส่งออกประมาณ 481,000 คัน เพิ่มขึ้น 59.92%  โดยทั้งปีคาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 60.10% จำหน่ายในประเทศประมาณ 700,000 คัน เพิ่มขึ้น 27.53% และส่งออกประมาณ  900,000 คัน เพิ่มขึ้น 68.05%

.

อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในครึ่งแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้น 36.55% โดยเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากการผลิตเพื่อการส่งออกของอุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้แก่ HDD ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากความต้องการของตลาดสหรัฐอเมริกาที่ฟื้นตัว และตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่สั่งนำเข้าสินค้าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการขยายตัวที่สูง ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากฐานตัวเลขสถิติการส่งออกของปีก่อนค่อนข้างต่ำ

.

ส่วนแนวโน้มการผลิตในช่วงที่เหลือของปี 2553 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.07% สินค้าที่มีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ HDD และ IC เนื่องจากคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากต่างประเทศ และตลาดในประเทศมีการขยายตัว โดยผู้ประกอบการพยายามที่จะเสนอสินค้าที่มีความทันสมัยให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย

.

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ครึ่งแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มสิ่งทอและกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม โดยเส้นใยสิ่งทอ ผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 12.2% , 6.4% และ 6.4% ตามลำดับ เป็นผลจากคำสั่งซื้อของคู่ค้าขยายตัวต่อเนื่องนับแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา

.

ปัจจัยบวกเกิดมาจากที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตและส่งออกสิ่งทอภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี ของอาเซียน เพื่อจะส่งต่อไปในหลายประเทศในภูมิภาคที่ไม่มีสิ่งทอต้นน้ำ เช่น ลาว เวียดนาม กัมพูชา และบังคลาเทศ ซึ่งนำเข้าสิ่งทอต้นน้ำและกลางน้ำจากประเทศไทยไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อการส่งออกมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว

.

ส่วนแนวโน้มของปี 2553 คาดว่าการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3-7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากและโรงงานรับคำสั่งซื้อไว้เต็มแทบทุกโรงงาน สำหรับตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป(อียู) เป็นตลาดที่มียอดคำสั่งซื้อลดลง

.

ขณะที่อาเซียนและจีน มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  จีนจะเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ในอนาคตโดยลดบทบาทลงจากคู่แข่งของไทยมาจำหน่ายสินค้าไทยในประเทศมากขึ้น เพราะมีกำลังซื้อสูงอยู่แล้ว ส่วนอาเซียนเป็นตลาดที่ไทยควรจะนำสินค้าที่เน้นการออกแบบและเป็นแบรนด์ของไทยไปจำหน่าย ส่วนตลาดญี่ปุ่นผู้ประกอบการต้องการสินค้านวัตกรรมและสินค้าคุณภาพดีแต่มีราคาถูกกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าแฟชั่นจะเป็นตลาดที่เป็นที่ต้องการมากกว่า 

.

นอกจากนี้ นางสุทธินีย์ ยังได้สรุปภาพรวมภาพรวม MPI เดือนมิถุนายน 2553 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ดังนี้ ดัชนีผลผลิต (มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 194.39 เพิ่มขึ้น 14.34% จากระดับ 170.01 ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 200.74 เพิ่มขึ้น 21.34% จากระดับ 165.44  ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 121.97 เพิ่มขึ้น 9.69% จากระดับ 111.20 

.

ดัชนีผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 141.88 เพิ่มขึ้น 14.42% จากระดับ 124.00  ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 182.52 เพิ่มขึ้น 3.28% จากระดับ 176.73 โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 65.66%

.

.
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม