เนื้อหาวันที่ : 2010-07-30 09:49:53 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 619 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 30 ก.ค. 2553

1. ธปท.จับตาดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้

-  รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. กำลังติดตามปัจจัยที่มีผลทำให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในขณะนี้ทั้งในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกเงินทุนที่ไหลเข้ามาไม่ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบประเทศในเอเชีย และได้กล่าวเสริมว่าตอนนี้นักลงทุนไทยและต่างประเทศ มีความกังวลเรื่องการเมืองไทยน้อยลง

.

ในขณะที่มองว่าในส่วนของเศรษฐกิจไทย และต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังมีเรื่องติดตามประเด็นเรื่องการว่างงานสหรัฐ ข้อจำกัดนโยบายการคลังของหลายประเทศ การขยายสินเชื่อของธนาคารในต่างประเทศที่ยังเร่งตัวไม่มาก

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไหลเข้ามาในภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปตามความต้องการที่จะลงทุนที่มากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการโยกย้ายเงินลงทุนออกจากสหรัฐและยุโรปที่มีอัตราการฟื้นตัวที่ช้ากว่าและกำลังประสบกับปัญหาภาคการคลัง ทั้งนี้ หากพิจารณาจากช่วงต้นปี 53 พบว่าเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทยนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆเนื่องจากในช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค.มีเงินทุนต่างชาติไหลออกค่อนข้างมาก

.

อย่างไรก็ตาม ในช่วงถัดไปหากสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพ อาจส่งผลให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงดุลบัญชีเดินสะพัดที่คาดว่าจะเกินดุลอย่างต่อเนื่องแล้วอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้อีกในช่วงที่เหลือของปี 53

.

2. SCG คาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ในปี 2553 จะขยายตัว

นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานกลุ่มบริษัท SCG คาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ในปี 2553 จะขยายตัวถึงร้อยละ 20 – 25 โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เคมี กระดาษ และปูนซีเมนต์ นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าการผลิตปูนซีเมนต์ทั้งหมดในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 จากปีที่แล้ว 

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนถึงแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการลงทุนของไทย โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน ได้ขยายตัวร้อยละ 9.6 จากปีก่อน อันเป็นการขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 ที่ร้อยละ 6.7 จากปีก่อน ทั้งนี้ การคาดการณ์การผลิตที่ร้อยละ 10 ดังกล่าวบ่งชี้ว่าปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์และการลงทุนภาคเอกชนในครึ่งปีหลังจะเร่งตัวขึ้น

.

3. ฟิทช์ ประกาศลดอันดับเครดิตเวียดนามจากระดับ BB- มาอยู่ที่ระดับ B+

-  ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Rating) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินต่างประเทศระยาวและสกุลเงินดองระยะยาวของเวียดนามจากระดับ BB- มาอยู่ที่ระดับ B+ โดยการปรับลดอันดับดังกล่าวเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศและความอ่อนแอในระบบการธนาคารของเวียดนาม

.

ฟิทช์ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า อันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการปรับทบทวนใหม่ของเวียดนามอยู่ต่ำกว่าระดับ investment grade อยู่ 4 ขั้น และการลดอันดับความน่าเชื่อถือของเวียดนามในวันนี้ ถือเป็นการดำเนินการที่สวนทางกับประเทศอื่นๆในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ตั้งแต่อินโดนีเซียไปจนถึงยูเครน ที่ฟิทช์ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่าการปรับลดความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดองดังกล่าวนั้น เป็นการสะท้อนถึงความเสี่ยงในด้านเศรษฐกิจจริงและเสถียรภาพเศรษฐกิจที่เริ่มมีมากขึ้นสะท้อนได้จากอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 2 ปี 53 ที่อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 9.0 ต่อปี โดยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่ออัตราค่าจ้างแรงงานให้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข็งขันของผู้ผลิตเวียดนามได้

.

ทั้งนี้ การส่งออกเวียดนามเดือน มิ.ย. 53 ขยายตัวชะลอลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 20.7 ต่อปี ถึงแม้ว่าค่าเงินดองมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องหลังจากทางการเวียดนามได้ประกาศ devalue ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ตาม ซึ่งการขยายตัวชะลอลงของภาคการส่งออกดังกล่าวอาจจะเป็นการสะท้อนถึงพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เริ่มมีทิศทางแย่ลง

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง