เนื้อหาวันที่ : 2010-07-29 09:19:22 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 594 views

นายกฯ ยันนโยบายเศรษฐกิจไม่กระทบต่อฐานะการคลัง

นายกรัฐมนตรีระบุนโยบายและมาตรการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถปฏิบัติได้ไม่มีผลกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศ สั่งพาณิชย์วิเคราะห์ปัญหาต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภค พยุงค่าครองชีพ 

.

วานนี้ (28 ก.ค.) เวลา 13.50 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  ถึงการปรับโครงสร้างภาษีแล้วลดนโยบายประชานิยม  ว่า มาตรการเรื่องของการช่วยเหลือประชาชน  รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ปรับลดมาตามสถานการณ์ เช่น ค่าน้ำก็ยกเลิก ค่าไฟฟ้าก็ลดลงมาจากที่เกินจากความจำเป็นที่คิดว่าจะต้องช่วยเหลือก็ลดลงมา        

.

ทั้งนี้มาตรการงบประมาณหรือมาตรการภาษีก็เหมือนเป็นเครื่องมือ  2  เครื่องมือ จะไปบอกว่าเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งดีกว่ากันก็คงไม่ได้ เช่น คนบางกลุ่มที่เราอยากจะช่วยเหลือ อาทิ คนที่อยากจะขึ้นรถไฟชั้นสาม  ถ้าลดภาษีก็ไม่เป็นประโยชน์เพราะเขาอาจจะไม่อยู่ในข่ายที่เสียภาษีอยู่แล้ว  เพราะฉะนั้น ตนเข้าใจดีว่าเราดูฐานะการคลังให้สามารถที่จะรับมาตรการต่างๆ  ได้      

.

“ผมยืนยันว่าการตัดสินใจของรัฐบาลชุดนี้ทุกกรณี  ผมจะดูว่าสามารถปฏิบัติได้ไม่มีผลกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศ ในที่สุดก็ต้องเลื่อนไปตลอดเวลา  อยากจะให้มีงบประมาณไปทำอะไรเพิ่มขึ้นก็ต้องคิดถึงว่าจะต้องเอาภาษีสูงขึ้นหรือไม่ การมีภาษีสูงขึ้นถ้ามาทำวันนี้ก็มีข้อเสียว่าระบภาษีที่มีระบบภาษีสูงภาษีมากก็ไปกระเทือนเอกชนและบิดเบือนในเศรษฐกิจด้วย

.

แต่เราต้องชั่งเพราะการบริหารเศรษฐกิจไม่ได้มีเป้าหมายเดียว  ไม่ใช่มีเรื่องประสิทธิภาพเรื่องเดียว  มีเรื่องความเป็นธรรมด้วย ถ้ามีเรื่องเดียวก็จะง่าย ทุกคนก็คำนวณออกมาเป็นสูตรเดียวกันหมด  ก็ทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด หรือบอกว่าให้ทุกคนเสมอภาคกันหมด แต่อาจจะจนเท่ากันมันก็ไม่ได้   ก็ต้องทำเพื่อหาความพอดี  ตรงนี้ก็มีความเห็นที่แตกต่าง             

.

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันได้ว่ารัฐบาลนี้ไม่ทำก็คือว่าไปเริ่มต้นโครงการมาตรการต่างๆ  ที่ในที่สุดแล้วกระทบกระเทือนเสถียรภาพทางการคลังอันนี้เราไม่ทำแน่นอน ซึ่งผมมั่นใจ”  นายกรัฐมนตรีกล่าว               

.

นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  จะเห็นได้ว่าเฉพาะปีครึ่งที่ผ่านมาความจำเป็นการที่จะต้องกู้เงินก็หายไปถึง 4  แสนล้านบาท แล้วก็ที่เดิมกังวลว่าปีนี้จะขาดดุลเท่าไรก็ขาดดุลน้อยกว่าเดิมไป 2-3 แสนล้านบาท รายได้ที่เข้าประเทศมาที่ตอนแรกไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะดูแลให้การส่งออกขยายตัวได้หรือไม่ ขณะนี้ก็เข้ามาเกินเป้าหมาย

.

เพราะฉะนั้นทุกอย่างขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องของเสถียรภาพทางด้านการคลัง ส่วนทางด้านการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)  ก็มีอิสระในการทำงาน ดอกเบี้ยจำเป็นจะต้องขยับขึ้น เขาก็ขยับขึ้นไปแล้ว   เพราะฉะนั้นตนยังมองไม่เห็นว่าขณะนี้มีปัญหาในเรื่องของผลกระทบในเชิงเสถียรภาพทางการเงินการคลัง

.

ผู้สื่อข่าวถามว่า  มีการส่งออกมากไปหรือไม่ต้องขยายตัวทางภาคบริการมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  นั่นก็เป็นอีกประเด็น  ซึ่งขณะนี้ก็พันมาถึงเรื่องของการปฏิรูปที่เรากำลังดูกันอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของปัญหาของค่าแรงที่พูดไปหลายครั้งแล้วก็จะมาเกี่ยวข้องกับตัวนี้ด้วย 

.

อย่างไรก็ตามได้หารือในที่ประชุมเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพ และราคาสินค้า  ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจครั้งต่อไป  ขอให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้วิเคราะห์ปัญหาเรื่องต้นทุนที่เป็นต้นทุนสำคัญต่อสินค้าอุปโภคและบริโภคของประชาชน เพื่อไม่ให้ปัญหาค่าครองชีพเกิดความรุนแรงขึ้น เมื่อมีการคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก

.
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
.
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย