นักวิชาชีพไทยในสวีเดน เตือนภัยใกล้ตัว จากการหายใจรับเส้นใยหินในอากาศ ร่างกายกำจัดไม่ได้ อันตรายถึงขั้นเป็นมะเร็งปอด
นักวิชาชีพไทยในสวีเดน เตือนภัยใกล้ตัว จากการหายใจรับเส้นใยหินในอากาศ ร่างกายกำจัดไม่ได้ อันตรายถึงขั้นเป็นมะเร็งปอด |
. |
รศ.ดร.นงนิจ ลือตระกูล-เลวิน |
. |
ในงานประชุมวิชาการ “Thai Professionals Conference 2010 : Green Thailand และก้าวต่อไปของความร่วมมือระหว่างการอุดมศึกษาไทยและนักวิชาชีพไทยในต่างประเทศ” ซึ่งจัดขึ้นโดยโครงการสมองไหลกลับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เมื่อเร็วๆ นี้ |
. |
โดยผู้จัดงานได้เชิญนักวิชาชีพไทยในต่างแดนทั้ง อเมริกา-แคนาดา ยุโรป และญี่ปุ่น มาร่วมประชุมถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้กับนักวิชาการไทยในสาขาต่างๆ มากมาย |
. |
รศ.ดร.นงนิจ ลือตระกูล-เลวิน นักวิชาชีพไทยในยุโรป ได้กล่าวถึงอันตรายจากแร่ใยหิน หรือแอสเบสทอส (asbestos) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ว่า เราอาจได้รับเส้นใยหินจากการสูดหายใจโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเส้นใยจากแร่ใยหินนี้ เป็นสารไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส เมื่อมันเข้าไปสะสมในร่างกายเป็นระยะเวลายาวนาน และมีปริมาณมาก จะก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบ เป็นมะเร็งปอด และเสียชีวิตได้ในที่สุด |
. |
แร่ใยหิน ประกอบด้วยธาตุแมกนีเซียม เหล็ก ซิลิเกต และธาตุอื่นๆ มีลักษณะเป็นเส้นใยละเอียด มีขนาดเล็ก คุณสมบัติที่โดดเด่น คือ ทนไฟ ไม่นำความร้อนและไฟฟ้า ทนสารเคมีทั้งกรดและด่างได้ดี มีความแข็ง เหนียว และยืดหยุ่น จึงทนต่อแรงกระแทกได้ดี สามารถนำมาปั่นเป็นเส้นและทอเป็นผืนได้ ดังนั้น จึงมีการนำเส้นใยหินนี้มาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย เช่น กระเบื้องมุงหลังคา ฝ้าเพดาน ปูนซีเมนต์ ผ้าเบรกรถยนต์ ฉนวนกันความร้อน และวัสดุสิ่งทอ เป็นต้น |
. |
“เส้นใยจากแร่ใยหินมีอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้ตัวเรามากมาย เช่น เครื่องปิ้งขนมปัง เตารีด เครื่องต้มน้ำ กระทั่งเครื่องเป่าผม เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้เมื่อเสื่อมสภาพลง หรือมีการหลุด แตกหัก เส้นใยหินก็มีโอกาสหลุดและปลิวออกมาได้ เมื่อเราหายใจรับมันเข้าไปก็ไม่รู้สึกตัวเลย หรือบ้านเก่าๆ ที่เสื่อมโทรมหรือถูกไฟไหม้ พวกเส้นใยหินทั้งหลายที่เป็นส่วนประกอบของปูนซีเมนต์ กระเบื้องหลังคา หรือฝาบ้าน ก็อาจมีการหลุดปลิวออกมาในอากาศได้เช่นกัน” |
. |
ภาพขยายแสดงให้เห็นเส้นใยหินที่มีความแหลมคม และเซลล์กำจัดสิ่งแปลกปลอมของร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ ที่น่ากลัวก็คือ เมื่อเส้นใยหินเหล่านี้เข้าไปสะสมที่เนื้อเยื่อปอดแล้ว เซลล์กำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมของร่างกายจะพยายามกำจัดโดยการโอบล้อมและหลั่งเอนไซม์เพื่อทำลายเส้นใยหิน แต่ไม่สามารถกำจัดได้ เนื่องจากเส้นใยหินมีความคงทนต่อความเป็นกรดได้ดี อีกทั้งสภาพความแหลมคมของเส้นใยหินก็ก่อให้เกิดผลร้ายต่อเซลล์ที่มาทำลายและเนื้อเยื่อปอดอีกด้วย |
. |
กลไกการทำลายเส้นใยหินจะเกิดซ้ำๆ เช่นนี้ จนทำให้เกิดการอักเสบของปอด จนเกิดเป็นพังผืด และสามารถพัฒนากลายไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ พัฒนาการของโรคจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ อาจใช้เวลานับ 10 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายหรือพันธุกรรมของแต่ละคน แต่เมื่อตรวจพบอาการของโรคแล้ว มักรักษาไม่หาย ผู้ป่วยจะต้องทุกข์ทรมานจากอาการของโรคจนถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด |
. |
สำหรับประชาชนทั่วไปจะมีวิธีการป้องกันหรือปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อเลี่ยงการได้รับเส้นใยหินเหล่านี้ รศ.ดร.นงนิจ กล่าวว่า “เป็นเรื่องยากลำบากเหมือนกัน เพราะในประเทศเราก็ไม่มีกฎหมายห้ามใช้เส้นใยหิน แต่ในขั้นต้น ก็อยากให้หลีกเลี่ยงหรืองดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเส้นใยหินเป็นส่วนประกอบและอยู่ในสภาพที่เสื่อมชำรุด หรือหมดสภาพแล้ว |
. |
และเมื่อต้องซื้อใหม่ ก็ให้ดูว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นผลิตที่ประเทศไหน น่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะบางประเทศอย่างสวีเดน เขามีกฎห้ามเลยทั้งการนำเข้า การผลิต และการใช้งาน สำหรับผู้ประกอบการ ก็ควรมีความตระหนักในเรื่องนี้ โดยเปลี่ยนไปใช้เป็นสารตัวอื่นแทนเส้นใยหิน” |