เนื้อหาวันที่ : 2007-02-12 10:20:01 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2711 views

อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษปีนี้คึก คาดโตร้อยละ 5

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ชี้หลายปัจจัยจะมีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจเยื่อกระดาษปีนี้ให้ขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2549 โดยคาดจะเติบโตร้อยละ 5 จีนตลาดส่งออกสำคัญที่ต้องการเยื่อกระดาษจำนวนมาก

สำนักข่าวไทยรายงานข่าว บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ชี้หลายปัจจัยจะมีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจเยื่อกระดาษปีนี้ให้ขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2549  โดยคาดจะเติบโตร้อยละ 5 ทั้งการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การเลือกตั้งและปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ส่วนการส่งออกเยื่อกระดาษก็ขยายตัวเช่นกัน โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังมีความต้องการเยื่อกระดาษจำนวนมาก

.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ความต้องการใช้เยื่อกระดาษในปี 2550 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2549 ประมาณร้อยละ 5  ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในปี 2550 ปริมาณการจำหน่ายเยื่อกระดาษในประเทศจะมีประมาณ 670,000-680,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีการจำหน่ายที่ประมาณ 640,000-650,000 ตัน เพราะในปี 2550 จะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่รวมไปถึงการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2550 ประการสำคัญ ยังเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ซึ่งก็จะส่งผลให้ความต้องการใช้เยื่อกระดาษในธุรกิจสิ่งพิมพ์มีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติ

.

ขณะที่สถานการณ์ด้านการส่งออกเยื่อกระดาษ คาดว่าตลาดต่างประเทศจะยังคงมีความต้องการนำเข้าเยื่อกระดาษจากไทย โดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกเยื่อกระดาษรายใหญ่อันดับ 1ของไทยยังคงมีความต้องการนำเข้าเยื่อกระดาษประมาณปีละ 7-8 ล้านตัน เนื่องจากกำลังการผลิตในประเทศไม่เพียงพอรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังเติบโตในระดับสูง สำหรับในปี 2550 ตลาดส่งออกหลักของไทยทั้งจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม ยังคงมีความต้องการบริโภคเยื่อกระดาษเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ

.

ทั้งนี้ ในปี 2549 ราคาเยื่อกระดาษอยู่ที่ระดับประมาณ 22,000 บาทต่อตัน สำหรับในปี 2550 คาดว่าราคาเยื่อกระดาษจะอยู่ที่ระดับ 22,000-23,000 บาทต่อตัน ซึ่งปัจจัยทางด้านราคาเยื่อกระดาษที่มีความผันผวนน้อยและมีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันตามภาวะความต้องการบริโภคเยื่อกระดาษของประเทศในเอเชียที่ปรับเพิ่มขึ้น นับเป็นผลดีต่อรายได้ของผู้ประกอบการเยื่อกระดาษในปี 2550 ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดลง จะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งวัตถุดิบจากพื้นที่เพาะปลูกไม้โตเร็ว เช่น ไม้ไผ่ และไม้ยูคาลิปตัสเข้าสู่โรงงาน รวมทั้งลดต้นทุนขนส่งเยื่อกระดาษจากโรงงานไปถึงผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศและช่วยให้รายได้ผู้ประกอบการปรับตัวดีขึ้น

.

ส่วนปัจจัยพึงระวังของผู้ประกอบการเยื่อกระดาษในปี 2550 ได้แก่ปัญหาราคาไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตเยื่อกระดาษมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากปี 2549 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับราคาตามต้นทุนวัตถุดิบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคเยื่อกระดาษที่ปรับลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อความสามารถด้านการแข่งขันของเยื่อกระดาษไทยในตลาดโลก เพราะทำให้ราคาส่งออกของไทยแพงขึ้นในสายตาของผู้นำเข้า.

.

ส่วนปัจจัยพึงระวังของผู้ประกอบการเยื่อกระดาษในปี 2550 ได้แก่ปัญหาราคาไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตเยื่อกระดาษมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากปี 2549 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับราคาตามต้นทุนวัตถุดิบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคเยื่อกระดาษที่ปรับลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อความสามารถด้านการแข่งขันของเยื่อกระดาษไทยในตลาดโลก เพราะทำให้ราคาส่งออกของไทยแพงขึ้นในสายตาของผู้นำเข้า.