1. ADB เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจากคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0 ต่อปีเป็นร้อยละ 5.5 ต่อปี |
- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 53 เป็นร้อยละ 5.5 ต่อปี จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0 ต่อปี เนื่องจากข้อมูลQ1/53 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจขยายตัวได้ดีจากยอดส่งออกที่แข็งแกร่งขึ้น และอุปสงค์ของภาคเอกชนที่ประกอบกับนโยบายสนับสนุนการขยายตัวอย่างยั่งยืน ขณะที่คาดว่าในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 7.9 ต่อปี จากเดิมร้อยละ 7.5 ต่อปี |
. |
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจของไทยในปี 53 จะเติบโตที่ร้อยละ 5.5 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือน มิ.ย.53) โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.0 - 6.0 ต่อปี มากกว่าที่คาดการณ์เดิม ณ เดือนมี.ค.ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 53 ที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 12.0 ต่อปี ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เร็วกว่าที่คาด |
. |
อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลายฝ่ายคาดการณ์ เช่นก่อนหน้านี้ IMF ได้ประกาศปรับเพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยขึ้นจากเดิมร้อยละ 7.0 ต่อปี เป็นร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง |
. |
2. บสก. เชื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง |
- บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เผยถึง ทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปี 53 น่าจะยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะเดียวกันแนวโน้มทิศทางราคาอสังหาริมทรัพย์ก็อาจจะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10 ในช่วงครึ่งปีหลังตามราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าจ้างแรงงาน ที่ขยับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อเชื่อว่าจะไม่ส่งผลทำให้การขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สะดุดลง |
. |
- สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนร้อยละ 3.9 ของ GDP ซึ่งไตรมาสแรกของปี 53 ขยายตัวร้อยละ 3.5 ต่อปี สะท้อนถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ เครื่องชี้การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดในเดือน พ.ค. 53 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์มีการฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนได้จากดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 20.7 ต่อปี |
. |
จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในเขตุกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวร้อยละ 54.2 ต่อปี ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศขยายตัวร้อยละ 19.4 ต่อปี ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีความต้องการที่แท้จริง (Real Demand) จากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ประกอบกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น |
. |
3.จีนเป็นผู้นำโลกในใช้ทรัพยากรพลังงานในปี 2552 นำหน้าสหรัฐฯ |
- สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) เปิดเผยว่าปีที่ผ่านมา จีนกลายเป็นประเทศที่ใช้พลังงานที่มากที่สุดในโลกแซงหน้าสหรัฐฯ โดยจีนได้กลายมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสหรัฐฯได้หันมาให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับความต้องการในการใช้พลังงานมากขึ้นในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้พลังงานต่อหัวในสหรัฐฯ ยังสูงกว่าจีนมาก |
. |
- สศค. วิเคราะห์ว่า การที่จีนได้กลายมาเป็นผู้ใช้ทรัพยากรพลังงานมากที่สุดในโลกนำหน้าสหรัฐฯ เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีบทบาทในตลาดสินค้าในกลุ่มพลังงานมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการกำหนดราคาตลาดโลกและปริมาณการใช้พลังงาน ทั้งนี้ ในปี 2543 สหรัฐฯ ใช้ทรัพยากรพลังงานกว่า 2 เท่าของจีน |
. |
แต่ในปี 2552 จีนได้กลายมาเป็นผู้ใช้พลังงานมากที่สุดในโลกกว่าร้อยละ 4.0 มากกว่าสหรัฐฯ และยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น ราคาสินค้ากลุ่มพลังงานจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของจีนในอนาคต |
. |
ทั้งนี้ สศค. คาดว่าว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ระดับ 78.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2553 สูงขึ้นจาก 61.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2552 ในอนาคต ประเทศไทยควรจะหันมาใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าพลังงานจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น |
. |
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง |