ซีพีเอฟ ชูกิจการในต่างประเทศเป็นส่วนงานสำคัญของการเติบโตของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศตุรกีและอินเดียที่มีการขยายตัวอย่างมากและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” ชูกิจการในต่างประเทศเป็นส่วนงานสำคัญของการเติบโตของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศตุรกีและอินเดียที่มีการขยายตัวอย่างมากและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต |
. |
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร |
.. |
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่าจากการที่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น อิรัก อิหร่าน และประเทศดูไบ กำลังประสบภาวะขาดแคลนอาหารและเนื้อสัตว์ ระดับราคาเนื้อสัตว์ค่อนข้างสูง ส่งผลดีต่อกิจการของซีพีเอฟในประเทศตุรกีซึ่งอยู่ใกล้เคียง |
. |
โดยสามารถทำการส่งออกเนื้อไก่และไข่ไก่ไปยังประเทศดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก และคาดว่าราคาเนื้อสัตว์จะดีต่อเนื่องไปถึงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันยังส่งผลิตภัณฑ์เนื้อไก่เข้าไปจำหน่ายยังรัสเซีย ภายหลังจากที่รัสเซียชะลอการสั่งซื้อเนื้อไก่จากสหรัฐฯ และหันมาซื้อจากผู้ผลิตในตุรกีแทน |
. |
นอกจากนี้ ซีพีตุรกีก็เพิ่งเปิดโรงงานผลิตอาหารแปรรูปขนาดใหญ่ เพื่อทำการผลิตอาหารแปรรูปประเภทไส้กรอก มีทบอล กอร์ดอนบลู และเบอร์เกอร์ไก่ ตามนโยบายการขยายสัดส่วนธุรกิจอาหารให้เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวตุรกี จะเห็นได้จากรางวัล “แบรนด์ยอดเยี่ยม” และ “แบรนด์ยอดนิยม” ที่ผลิตภัณฑ์ซีพีได้รับจากผู้บริโภคในตุรกี ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาเกินกว่ากำลังการผลิต ทำให้ต้องขยายการผลิตเพิ่มขึ้นอีก |
. |
สำหรับกิจการในประเทศอินเดียก็ให้ผลประกอบการที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน โดยซีพีเอฟได้ลงทุนโรงงานผลิตอาหารกุ้งและปลาถึง 3 แห่ง รวมกำลังการผลิตราว 150,000 ตันต่อปี เนื่องจากอินเดียมีการเพาะเลี้ยงกุ้งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดีย มีชายฝั่งทะเลที่ยาวและเหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้งมาก จึงทำให้มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องทุกปี ปัจจุบันธุรกิจสัตว์น้ำของซีพีเอฟถือเป็นอันดับ 1 ในประเทศอินเดีย ตลอดจนยังมีโอกาสขยายธุรกิจในส่วนสัตว์บกเพิ่มขึ้นอีกด้วย |
. |
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมากของบริษัทในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศตุรกี-อินเดีย ประกอบกับการขยายการขายสินค้าหมวดอาหารพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้าซีพีไปยังตลาดต่างๆทั่วโลก และประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนการผลิตและต้นทุนทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท |
. |
ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปีนี้ (2553) ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมาย คือ 1.8 แสนล้านบาท จากประมาณ 1.6 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา (2552) |