"อภิสิทธิ์" พบนักธุรกิจญี่ปุ่นยันเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดี คาดปีนี้ขยายตัวได้ถึง 6% ย้ำรัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหามาบตาพุด พร้อมให้ความช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเต็มที่
"อภิสิทธิ์" พบนักธุรกิจญี่ปุ่นยันเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดี คาดปีนี้ขยายตัวได้ถึง 6% ย้ำรัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหามาบตาพุด พร้อมให้ความช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเต็มที่ |
. |
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี |
. |
วานนี้ (4 ก.ค. 2553) เวลา 13.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงาน 'นายกรัฐมนตรีพบนักลงทุนชาวญี่ปุ่น' ณ โรงแรมเซนทาร่า แกรนด์ กรุงเทพฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ |
. |
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของ สมาคมไทย-ญี่ปุ่น หอการค้าญี่ปุ่น และทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญและบทบาทของนักลงทุน และนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่มีต่อการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ในนามของรัฐบาลไทยมีความยินดีและขอขอบคุณการให้การสนับสนุนที่ดีตลอดมา |
. |
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีหลายบริษัทของญี่ปุ่น เช่น มิตซูบิชิ โตโยต้า และนิสสัน ที่ได้ประกาศแผนขยายการลงทุนในประเทศไทยสำหรับการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก ซึ่งแผนงานดังกล่าวจะช่วยสร้างงาน และ สร้างโอกาส และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการให้ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย |
. |
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงมิตรภาพระหว่างรัฐบาลไทยและญี่ปุ่น และการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ 2 ครั้งที่ผ่านมา นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแสดงความคาดหวังว่าในอนาคตจะได้มีโอกาสพบกับนายนาโอตะ คัง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ทั้งนี้ คนไทยและประเทศไทยก็พร้อมให้การต้อนรับชาวต่างชาติ และเปิดประตูการค้าการลงทุนต่อชาวญี่ปุ่นเช่นกัน |
. |
สำหรับภาคเอกชนของญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองทีผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่ารัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด โดยมีคณะกรรมการที่กำกับดูแลโดยมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดูแลในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด |
. |
นอกจากแผนการระยะสั้น และมาตรการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจแล้ว รัฐบาลยังมีแผนการระยะยาวในการปฏิรูปประเทศ และแนวทางสร้างความปรองดอง 5 ข้อ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการเปลี่ยนผ่านสังคมไปสู่การเติบโตทางประชาธิปไตยในอีกระดับ สู่สังคมที่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างแม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาทางการเมือง |
. |
แต่เศรษฐกิจของประเทศไทยกลับไม่ได้รับผลกระทบโดยยังคงมีการเติบโตที่น่าสนใจ ทั้งการเติบโตของตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มากถึง 12 เปอร์เซนต์ และการเติบโตของการส่งออก จึงกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และอาจจะเติบโตโดยรวมในปีนี้ได้ถึงระดับ 6 เปอร์เซนต์ อีกทั้ง รัฐบาลยังได้จัดตั้งศูนย์ One-Start-One-Stop (OSOS) เพือเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและให้คำปรึกษาแก่นักลงทุน |
. |
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามต่อที่ประชุม โดยรัฐบาลมีความเข้าใจดีถึงปัญหาของนักลงทุนในโครงการต่างๆ ของมาบตาพุด และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาดังกล่าว ขณะนี้ คณะกรรมการ 4 ฝ่าย แก้ไขปัญหามาบตาพุด โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ได้มีข้อเสนอมาแล้วใน 18 โครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเชื่อว่า ไม่นานเกิน 2-3 เดือน ภายหลังการทบทวน และ การจัดทำประชาพิจารณ์ |
. |
ปัญหาของทุกกรณีน่าจะได้รับการแก้ไข และได้เน้นย้ำให้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นอดทนรอการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาล และในส่วนของผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม โดยเฉพาะกรณีนักข่าวชาวญี่ปุ่น รัฐบาลได้มีการดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในกรณีนี้ โดยมีการรายงานทุกๆ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ในส่วนของประเด็นด้านการชดเชยและบริษัทประกันภัย ก็เป็นอีกประเด็นที่รัฐบาลไม่ได้ละเลย และพร้อมหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเต็มที่ |