เนื้อหาวันที่ : 2010-07-01 14:29:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2519 views

ดัชนีอุตฯ พ.ค.เพิ่ม 15.9% น้ำดื่มขายดีผลิตรับลมร้อน

ดัชนีอุตฯ พ.ค.ยังพุ่ง 15.9% กำลังการผลิต 64% การผลิตกลุ่มน้ำดื่ม ยานยนต์ Hard disk drive การแปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตเหล็ก ยอดผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น

ดัชนีอุตฯ พ.ค.ยังพุ่ง 15.9% กำลังการผลิต 64% การผลิตกลุ่มน้ำดื่ม ยานยนต์ Hard disk drive การแปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตเหล็ก ยอดผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น 

.

ดร.สมชาย หาญหิรัญ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

.

ดร.สมชาย หาญหิรัญ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2553 ขยายตัว 15.9% มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 64% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลต่อการขยายตัวที่สำคัญ ประกอบด้วย การผลิตน้ำดื่ม ยานยนต์ Hard disk drive การแปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตเหล็ก เป็นต้น 

.

ดร.สมชาย กล่าวว่า การผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น 17.2%และ10.2% ตามลำดับ เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าการดื่มน้ำบริสุทธิ์บรรจุขวดที่ผลิตจากโรงงานมีความสะอาด ผู้ผลิตจึงมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น  

.

ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวผู้บริโภคมีกำลังจับจ่ายสินค้ามากขึ้น และเดือน พ.ค.ยังอยู่ในช่วงฤดูร้อน จึงมีความต้องการบริโภคน้ำดื่มในปริมาณที่สูง ส่งผลต่อการขยายตัวทั้งการผลิตและจำหน่ายดังกล่าว

.

การผลิตยานยนต์   เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการผลิตและจำหน่ายขยายตัวถึง 90.6%และ 78.9% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการขยายตัวของทุกรถยนต์ทุกประเภท เนื่องจากผู้ผลิตเร่งผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและส่งออก โดยในเดือน พ.ค.การส่งออกรถยนต์สูงขึ้นกว่า 135.25% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าทั้งปีปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ จาก 1.4 ล้านคัน เป็น 1.5-1.6 ล้านคัน โดยจำหน่ายในประเทศประมาณ 7 แสนคัน และส่งออกประมาณ 9 แสนคัน  

.

การผลิต Hard disk drive เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่าย ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 14.5% และ 6.4% ตามลำดับ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว และการปรับตัวของผู้ผลิตที่สามารถผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง

.

โดยตลาดต่างประเทศที่สำคัญคือ จีน และสหรัฐอเมริกา โดยตลอดปี 2553 มีทิศทางการขยายตัวที่ดี เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิต เพื่อการส่งออกที่แข็งแกร่ง สามารถรับคำสั่งซื้อได้เป็นจำนวนมากและส่งมอบสินค้าได้ทันตามกำหนด ผู้นำเข้าทั่วโลกจึงให้ความไว้วางใจ ส่งผลต่อการขยายตัว ทั้งปีคาดว่าจะอยู่ประมาณ 10%

.

การผลิตอาหารแปรรูปจากสัตว์น้ำ  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.6% และ 14.7% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกที่ขยายตัวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสินค้าหลัก เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ปลาซาร์ดีนกระป๋อง กุ้งแช่แข็ง และเนื้อปลาแช่แข็ง ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มลูกค้าจากทั่วโลก

.

เนื่องจากผู้ประกอบการไทยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และช่วงเดือน พ.ค.นี้มีปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวแม็กซิโกทำให้สหรัฐอเมริกาสั่งนำเข้ากุ้งจากไทยมากขึ้น

.

การผลิตเหล็ก เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้น 42.0% และ 27.6% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นไปตามทิศทางการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้าง และโครงการใหญ่ของรัฐบาลในด้านการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในด้านต่างๆมีความชัดเจนยิ่งขึ้น และราคาเหล็กในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีการปรับตัวให้สูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบแร่เหล็กมากนัก

.

นอกจากนี้ ดร.สมชาย ยังได้สรุปภาพรวมภาพรวม MPI เดือนพฤษภาคม 2553 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ดังนี้ ดัชนีผลผลิต (มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 184.94 เพิ่มขึ้น 15.9% จากระดับ 159.57 ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 186.29 เพิ่มขึ้น 18.4% จากระดับ 157.39 

.

ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 189.17 เพิ่มขึ้น 5.4% จากระดับ 179.54 ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 117.30 เพิ่มขึ้น 8.3% จากระดับ 108.32 ดัชนีผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 139.53 เพิ่มขึ้น 2.9% จากระดับ 135.65  โดยอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 64.0%  

.
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม