ครม.อนุมัติให้ บสย. ช่วย SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางจากการชุมนุมทางการเมือง และ SMEs กลุ่มท่องเที่ยวมีวงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันปีแรก |
. |
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า จากการที่คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา |
. |
เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาและช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินแก่ผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าว โดยอนุมัติหลักเกณฑ์ให้ บสย. แบ่งวงเงินจำนวนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท จากโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 2 ที่มีวงเงินค้ำประกันรวมทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท มาค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ |
. |
โดยผู้ประกอบการ SMEs ที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องเป็น SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเมืองภายในประเทศ ที่ขอสินเชื่อผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกัน สำหรับการค้ำประกันภายในปี 2553 |
. |
นอกจากนี้ ครม. ยังมติอนุมัติให้ บสย. ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในรอบปี 2553 ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นลูกค้าเดิมของ บสย. และทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ในเหตุการณ์ไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง ทั้งนี้ บสย. จะได้รับการชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวในวงเงินไม่เกิน 37.5 ล้านบาท หรือตามจำนวนที่เบิกจ่ายจริง |
. |
ดร.พิชิต กล่าวเสริมว่า บสย. พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มดังกล่าวเป็นการเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเป็นการช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และเป็นการแบ่งเบาภาระทางการเงินให้กับ SMEs ดังนั้น SMEs กลุ่มดังกล่าวรายใดที่ต้องการให้ บสย. ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อสามารถติดต่อยื่นขอสินเชื่อและให้ บสย. ค้ำประกันผ่านธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ร่วมโครงการกับ บสย. |
. |
สำหรับผลการดำเนินงาน ปี 2553 ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2553 บสย. ให้การค้ำประกันสินเชื่อกับผู้ประกอบการ SMEs ไปแล้ว 4,237 ราย วงเงินค้ำประกัน 16,234.77 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินจำนวน 32,071.17 ล้านบาท ก่อให้การจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 14,741 ราย และมีการจ้างแรงงานในระบบรวมทั้งสิ้น 120,310 ราย โดยประเภทธุรกิจ (Cluster) ที่ บสย. ให้การค้ำประกันสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ การบริการ อาหารและเครื่องดื่ม และ เหล็ก ผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องจักร ตามลำดับ |