เนื้อหาวันที่ : 2010-06-15 14:02:19 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1466 views

พาณิชย์ เร่งฟื้นเศรษฐกิจ จัด TBF 2010 ชู CRM มัดใจคู่ค้า

กระทรวงพาณิชย์ เร่งฟื้นเศรษฐกิจไทยหลังบอบช้ำเพราะพิษการเมือง จัดงาน TBF 2010 ชูกลยุทธ์ CRM มัดใจคู่ค้าต่างประเทศทั่วโลกกว่า 150 ราย หวังดึงความเชื่อมั่นกลับคืน

กระทรวงพาณิชย์ เร่งฟื้นเศรษฐกิจไทยหลังบอบช้ำเพราะพิษการเมือง จัดงาน Thailand’s Best Friends 2010 หรือ TBF 2010  ชูกลยุทธ์ CRM มัดใจคู่ค้าต่างประเทศทั่วโลกกว่า 150 ราย ดึงความเชื่อมั่นพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ขณะที่ตัวเลขการส่งออกไทย 4 เดือนของปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4 หรือมีมูลค่า 58,471.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  และคาดว่าตลอดทั้งปีจะเติบโตตามเป้า 14 %

.

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

.

กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัดงาน Thailand’s Best Friends 2010 หรือ TBF 2010 ครั้งที่สองในเดือนมิถุนายนนี้ตอกย้ำความสำเร็จของโครงการจากปีที่แล้ว เน้นชูกลยุทธ์ CRM (Customer Relationship Management) มัดใจคู่ค้ารายใหญ่กว่า 150 รายทั่วโลก เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อสัมผัสสินค้าและบริการของไทยอย่างใกล้ชิด

.

รวมทั้งสร้างความสนิทสนมกับผู้ส่งออกไทยให้มากยิ่งขึ้น พร้อมเตรียมแผนต้อนรับอย่างอบอุ่นในฐานะบุคคลสำคัญที่ได้รับมอบเกียรติบัตรจากนายกรัฐมนตรี คาดงานนี้จะช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยหลังโดนผลกระทบจากการเมืองอย่างหนัก ช่วยให้ยอดส่งออกไทยเติบโตตามเป้า

.

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  “จากผลกระทบวิกฤติการเมืองไทยที่ผ่านมา อาจทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่สอง คือเดือนเมษายน-มิถุนายน 2553 ชะลอตัวไปบ้าง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติบางรายขาดความเชื่อมั่นในประเทศไทย ประกอบกับเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด เที่ยวบินในยุโรปต้องหยุดให้บริการ ส่งผลให้สินค้าเกษตรที่พึ่งพาการขนส่งทางอากาศ

.

อาทิ ผักและผลไม้สด ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไม่สามารถส่งออกไปได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดหาช่องทางการจำหน่ายผักและผลไม้สดภายในประเทศแทนเพื่อลดความสูญเสีย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์พยายามอย่างเต็มที่ที่จะพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มโอกาสในการส่งออก ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่ว่านั้น ก็คือ กลยุทธ์ Customer Relationship Management (CRM)  ในโครงการ Thailand’s Best Friends 2010 หรือ TBF 2010

.

ซึ่งคาดว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติกลับมาได้ ช่วยให้อัตราการเติบโตโดยรวมของการส่งออกไทยเป็นไปตามเป้าที่วางไว้นั่นคือ อัตราเติบโตทั้งปีอยู่ที่ 14% หรือประมาณ 1.73 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยคิดจากค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ระดับ 32 บาท/เหรียญสหรัฐ ขณะที่ตัวเลขการส่งออกไทย 4 เดือนของปีสูงขึ้นถึงร้อยละ 32.4 หรือมีมูลค่า 58,471.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

.

“ปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว ได้แก่ ความต้องการในตลาดโลกที่ฟื้นตัวมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าของตลาดส่งออกสำคัญ โดยเฉพาะ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และประเทศในแถบเอเซีย คือ จีน อินเดีย เอเชียตะวันออกและอาเซียน, สต็อกของผู้นำเข้าในต่างประเทศที่ลดลง ทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม,

.

ผลสำเร็จจากข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ  ทำให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราสูง โดยเฉพาะ  จีน อินเดีย และ อาเซียน รวมทั้งความสำเร็จจากการดำเนินมาตรการเร่งรัดผลักดันการส่งออกร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการมาโดยตลอด และต่อเนื่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการส่งออกไทยในปีนี้

.

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวเสริมถึงตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ว่า “สำหรับในส่วนของตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 34.6  และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64.6 รองลงได้แก่ ญี่ปุ่น  สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 , 20.3 และ 20.1 ตามลำดับ 

.

นอกจากนั้นแล้วสินค้าและบริการของไทยก็ยังมีตลาดใหม่ในการส่งออกที่น่าจับตามอง โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนในปีนี้ ปริมาณการส่งออกไปยังตลาดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยตลาดใหม่ที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่  จีน  อินโดจีนและพม่า   ฮ่องกง  ทวีปออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา  อินเดีย  เกาหลีใต้  ยุโรปตะวันออก และ ไต้หวัน ส่วนตลาดใหม่ที่ส่งออกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 20  ได้แก่  ตะวันออกกลาง แอฟริกา และ แคนาดา”

.

นอกจากนั้นแล้ว นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ยังกล่าวถึง การเปรียบเทียบอัตราการขยายตัวของการส่งออกไทยกับประเทศคู่แข่งในปี 2553 ด้วยว่า อัตราการเติบโตของตลาดส่งออกไทยมีแนวโน้มว่าจะนำหน้าประเทศคู่แข่ง โดยในเดือนเมษายนของปีนี้ ตลาดส่งออกไทยขยายตัวสูงกว่าตลาดของจีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเวียดนาม 

.

ในขณะที่ตามหลังเพียงตลาดของประเทศไต้หวันเท่านั้น และคาดว่าการจัดงาน Thailand’s Best Friends 2010 หรือ TBF 2010 ในครั้งนี้ จะทำให้อัตราการขยายตัวของตลาดส่งออกไทยในทุกๆเดือนตลอดปี 2553 ยังคงนำหน้าประเทศคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง

.

ด้าน นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ได้กล่าว“โครงการ Thailand’s Best Friends ในปีที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญคู่ค้าที่สำคัญของไทยกว่า 50 รายเข้าร่วมโครงการเป็นครั้งแรก ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก สำหรับในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญบริษัทคู่ค้าชั้นนำจากต่างประเทศกว่า 150 รายมาเยือนประเทศไทย

.

คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นไปตามเป้าหมาย และจากผลดังกล่าว ย่อมทำให้คู่ค้ารายอื่นๆ ทั่วโลก เกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจร่วมกับประเทศไทย รวมทั้งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและประสิทธิภาพของธุรกิจนำเข้าและส่งออกของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี และการจัดงาน Thailand’s Best Friends 2010 หรือ TBF 2010 ครั้งนี้ ถือเป็นงานแรกของภาครัฐบาลที่ดำเนินการเรียกความเชื่อมั่นจากนานาประเทศหลังวิกฤติการเมืองไทย นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจไทยแล้วยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยอีกด้วย”

.

จากผลความสำเร็จของโครงการในปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ จึงได้พัฒนารูปแบบสิทธิประโยชน์ใหม่ให้แก่คู่ค้าคนสำคัญที่จะเดินมาร่วมในโครงการ Thailand’s Best Friends 2010 (TBF) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2553 โดยในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ผู้นำเข้ารายใหญ่จากต่างประเทศจะเกิดความภูมิใจในการสั่งซื้อสินค้าไทย

.

ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น ได้รับมอบเกียรติบัตรจาก ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งจะทำให้คู่ค้าต่างประเทศมีความภาคภูมิใจและผูกพันกับประเทศไทย เกิดพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าของประเทศคู่แข่งแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังได้พัฒนาช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านเว็บไซต์ www.thailandbestfriend.com

.

เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ซื้อและผู้นำเข้าในต่างประเทศ ทั้งระดับภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มลูกค้าเก่าและกลุ่มลูกค้ารายใหม่ อันจะช่วยสานความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีต่อกัน เอื้ออำนวยให้การเจรจาทางการค้าระหว่างกันเป็นไปด้วยดีและบรรลุตามเป้าหมาย ตลอดจนได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับคู่ค้าผ่าน TBF CARD ซึ่งเป็นบัตรเอกสิทธิเหนือระดับ (First Class) และโปรโมชั่นแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ประกอบด้วยการมอบบริการพิเศษ ดังนี้

.

• ร่วมกับ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สุวรรณภูมิ มอบสิทธิพิเศษ Fast Track แก่ผู้ถือบัตรที่แจ้งล่วงหน้า ในการผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองระดับ VVIP จากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเมื่อจะเดินทางมาประเทศไทย โดยไม่ต้องเสียเวลากับการเข้าคิวตรวจคนเข้าเมือง

.

• ได้รับลดพิเศษจาก โรงแรมและรีสอร์ทสุดหรู ร้านอาหารยอดนิยม สปา ฟิตเนสคลับระดับห้าดาว สนามกอล์ฟชั้นนำ โรงพยาบาล และร้านค้าต่างๆของศูนย์การค้าชั้นนำ

.

• บริการพิเศษ Hotline จากกระทรวงพาณิชย์ โทร. 1169 ทุกเรื่องฉุกเฉิน และไม่ฉุกเฉิน อุ่นใจตลอดการเดินทางและขณะพำนักที่ประเทศไทย เสมือนมีเลขาส่วนตัวทุกครั้งที่เยือนประเทศไทย

.

• การรับรองต่างๆ เพื่อให้ผู้นำเข้าที่เดินทางเข้ามาได้รับความประทับใจในวัฒนธรรม และวิถีชีวิตไทย รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในภาพรวมของเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศด้วย

.

สำหรับการพิจารณาคุณสมบัติคู่ค้าที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ส่งออกในแต่ละหมวดสินค้าที่ส่งออกสูงสุดเป็นอันดับ 1-3 ในปี 2552 ของแต่ละอุตสาหกรรม ครอบคลุม กลุ่มสินค้าประมง / ปศุสัตว์ ,กลุ่มสินค้าเกษตร ,กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ,กลุ่มสินค้าแฟชั่น สินค้าอุตสาหกรรมหนัก, กลุ่มธุรกิจบริการ

.

โดยให้ผู้ส่งออกที่ได้รับการคัดเลือกแต่ละราย เสนอชื่อลูกค้าของตนเองที่ซื้อสินค้าสูงสุดอันดับ 1-5 เพื่อเข้ารับสิทธิพิเศษในโครงการ Thailand’s Best Friends (TBF) และจากนั้นได้มอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้เฉพาะคู่ค้าที่ได้รับเกียรติในโครงการ ซึ่งสิทธิพิเศษที่คู่ค้ารายสำคัญได้รับจะมีอายุ 2 ปี

.

โดยจัดส่งจดหมายเชิญผู้ผ่านการคัดเลือกเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อรับมอบเกียรติบัตรในฐานะเป็นคู่ค้ารายสำคัญ จาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตลอดจนเยี่ยมชมอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ของไทย และทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญภายในประเทศไทย เพื่อสร้างความประทับใจในฐานะแขกคนสำคัญของประเทศไทย

.

ผู้ส่งออกสินค้าและบริการชั้นนำจากประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการ Thailand’s Best Friends 2010 หรือ TBF 2010 ได้แสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินงานดังกล่าวในหลากหลายมุมมอง ผ่านเวทีเสวนาเรื่อง  ส่งออกก้าวไกล ประเทศไทยมั่นคงกับ Thailand’s Best Friends 2010 ดังนี้

.

นางอรรถพันธ์ มาศรังสรรค์ หนึ่งในผู้บริหาร ผู้แทนบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทางบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมโครงการ TBF ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และมองว่าเป็นงานแรกที่รัฐบาลไทยจัดขึ้นหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมา เป็นกิจกรรมกระตุ้นให้ต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยกลับสู่สถานการณ์ปกติแล้ว

.

และการที่กระทรวงพาณิชย์ให้เกียรติเชิญคู่ค้าจากต่างประเทศมาร่วมงานนี้  นักลงทุนต่างชาติเขาก็จะเกิดความภาคภูมิใจว่า เขาคือคู่ค้าคนสำคัญของประเทศไทย รวมทั้งเป็นการย้ำเตือนอีกครั้งว่า ประเทศไทยปกติแล้ว

.

ซึ่งกลยุทธ์CRM หรือ Customer Relationship Management นั้นถือว่าสำคัญมาก เพราะการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าจะช่วยให้การทำธุรกิจกับทุกๆตลาดส่งออกดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับตลาดญี่ปุ่น เพราะคนญี่ปุ่นเป็นคนที่ชื่นชอบการให้เกียรติหรือการยกย่องกัน ถ้าประเทศไทยดำเนินธุรกิจในแบบที่ให้เกียรติเขาเช่นนี้  เขาก็จะภูมิใจและพอใจที่จะทำธุรกิจกับคนไทยต่อไปเรื่อยๆ”

.

นางสาวกรกมล  ผาสุขดี   ผู้จัดการ บริษัท นิเด็ค แมทชีนเนอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งาน Thailand’s Best Friends 2010 ในครั้งนี้เหมือนเป็นการเซอร์ไพรส์ชาวต่างชาติที่เป็นคู่ค้าของประเทศไทย เขาตื่นเต้นมากที่จะได้มาประเทศไทย  โทรปรึกษาตลอดว่า ควรจะแต่งกายยังไง เตรียมอะไรมาบ้าง  ดิฉันว่าเขาภาคภูมิใจมากที่ได้รับเกียติในครั้งนี้ 

.

เวลาที่คู่ค้าต่างชาติเหล่านี้เดินทางมาถึงประเทศไทย  เขาคงไม่ตั้งใจแค่จะมาเที่ยวเมืองไทยหรือมางานเลี้ยงเท่านั้น แต่นักลงทุนต่างชาติเขาจะมาต่อยอดธุรกิจกับประเทศไทย  เมื่อมาถึงเมืองไทย เขาจะเริ่มรู้แล้วว่าประเทศไทยมีอะไรขายบ้าง  บางครั้งอาจจะไม่ได้สั่งซื้อเอง แต่อาจจะกลับไปสื่อสารกับเพื่อนๆนักธุรกิจว่า เมืองไทยมีสินค้าน่าสนใจเยอะแยะ เช่น สินค้า OTOP ของชุมชนต่างๆ  ซึ่งจะทำให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าใหม่ๆ 

.

ดิฉันคิดว่า งาน Thailand’s Best Friends 2010 จะเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนความคิดและนำไปสู่การเจรจาธุรกิจใหม่ๆได้ค่ะ โดยในส่วนของ บริษัท นิเด็ค แมทชีนเนอรี่ (ประเทศไทย)จำกัดเอง เราก็คาดหวังว่าบริษัทฯ จะเกิดการเจรจาธุรกิจใหม่ๆขึ้นจากการร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกันค่ะ”

.

นายวัลลภ พิชญ์พงศา  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทนครหลวงค้าข้าว จำกัด กล่าวว่า “ผมมองว่างาน Thailand’s Best Friends 2010 จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าต่างประเทศกับประเทศไทยในระยะยาว ยอดการส่งออกอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นทันทันใด แต่ลูกค้าต่างชาติที่เข้าร่วมงานจะรู้สึกว่าประเทศไทยให้เกียรติเขามาก เขาจะมีโอกาสได้รู้จักกับหน่วยงานรัฐบาลของไทย  เกิดความภาคภูมิใจและมองว่า ประเทศไทยให้เกียรติเขา ไม่ใช่แค่ในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจเท่านั้น แต่ประเทศไทยยังมีความเป็นเพื่อนให้อีกด้วย

.

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสั่งซื้อหรือสนับสนุนสินค้าไทยต่อไปเรื่อยๆ กลายเป็นคู่ค้าคนสำคัญกับประเทศไทยในระยะยาว  ที่สำคัญคือ งานนี้ยังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ และเป็นการฟื้นภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งด้วย หลังจากประเทศไทยเพิ่งผ่านพ้นวิกฤติทางการเมือง”

.

ดร. มนูญศรี  โชติเทวัญ ประธานคณะบริหารบริษัท สหฟาร์ม จำกัด  และบริษัทในเครือ กล่าวว่า “การค้าขายของกลุ่มสหฟาร์มในอดีตเป็นการพึ่งพาตัวเองตามอัตภาพ  แต่ในปัจจุบันรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการ  Thailand’s Best  Friends (TBF) มอบรางวัลแก่ผู้ทำการค้ากับประเทศไทย     ซึ่งเป็นการสร้างมิตรภาพที่มีความล้ำลึก

.

ทำให้คู่ค้ามีความรู้สึกว่าได้รับเกียรติยศศักดิ์ศรีในระดับประเทศ  สามารถนำความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อนไปกล่าวขวัญ  และสร้างความทรงจำที่ดีกับประเทศไทย  ในขณะที่บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์วิกฤตที่ผ่านมา   ลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้  แต่เนื่องจากมีการติดต่อเชื่อมโยงในทางการค้ามาโดยตลอดมิได้ละทิ้ง และถ้าไม่มีงาน TBF มาก่อน เราอาจเสียลูกค้า ยอดการขายอาจจะลดลง

.

ฉะนั้นคุณงามความดีที่กระทรวงพาณิชย์  โดยฯพณฯ รัฐมนตรีพรทิวา  นาคาศัย   ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีการดำเนินงานโครงการนี้ต่อไป  ขออวยพรให้ ฯพณฯ รัฐมนตรีและคณะประสบความสำเร็จ  เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานยิ่งขึ้นต่อไป”

.

ท้ายที่สุด นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวถึงความคาดหวังของโครงการ Thailand’s Best Friends 2010 ว่า “จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้านการค้า ระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้าไทย  เพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าและบริการอื่นๆของไทยที่มีประสิทธิภาพให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมหรือลูกค้ากลุ่มหลักที่มีศักยภาพ ได้แก่ อาเซียน(5) ญี่ปุ่น  สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป และกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง

.

อาทิ อินโดจีนและพม่า   ฮ่องกง  ทวีปออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา  อินเดีย เกาหลีใต้  ยุโรปตะวันออก และไต้หวัน เพิ่มยอดการส่งออกของไทยให้สูงขึ้น  และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า เป้าหมายการส่งออกทั้งปีที่ตั้งไว้ 14% หรือเป็นมูลค่าประมาณ 1.73 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเมื่อดูตัวเลขการส่งออก 4 เดือนแรกของปี ถือว่าเพิ่มขึ้นสูงมากในทุกหมวดสินค้า

.

อย่างสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ  ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ประเภทอาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป  กุ้งแช่แข็งและแปรรูป  ผักและผลไม้  ไก่แช่แข็งและอาหารแปรรูปอื่นๆ ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ก็ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ  สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่

.

เครื่องอิเล็กทรอนิกส์   เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์  วัสดุก่อสร้าง  เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก  ผลิตภัณฑ์ยาง  สิ่งพิมพ์  เครื่องสำอาง  เลนส์  และ เฟอร์นิเจอร์  รวมทั้งอัญมณียกเว้นทองคำ ดังนั้นแม้ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยจะเกิดวิกฤติการเมืองอย่างหนักก็ตาม  ก็คาดว่าความเชื่อมั่นจากนานประเทศจะกลับคืนมาโดยเร็ว ซึ่งงาน TBF 2010 ก็น่าจะเป็นอีกงานหนึ่งที่ทำหน้าที่ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี”