เนื้อหาวันที่ : 2010-06-15 10:29:14 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 588 views

ภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 14 มิ.ย. 2553

1.  ผวาวิกฤติยุโรปกระทบส่งออก

-  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 53 ใหม่ โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 3.9 - 4.3% เนื่องจากเศรษฐกิจของเอเชีย ในไตรมาสแรกจะปรับตัวสูงขึ้นมากทั้งญี่ปุ่น จีน หรือแม้แต่อาเซียน ซึ่งรวมถึงไทยที่เศรษฐกิจในไตรมาสแรกขยายตัวสูงถึง 12%

.

ขณะที่ความต้องการบริโภคภายในประเทศของประเทศอุตสาหกรรมสำคัญโดยเฉพาะสหรัฐ และญี่ปุ่นได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงมาก อย่างไรก็ตาม ความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือยังมีปัจจัยเสี่ยงจากวิกฤติการณ์การคลังในยุโรป และการดำเนินมาตรการจำกัดสินเชื่อในจีน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

.

-  สศค.วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1 โดยเฉพาะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในทวีปเอเชีย ส่งผลให้คาดว่าสิ้นเดือนนี้ สศค. จะปรับประมาณการของเศรษฐกิจคู่ค้าหลัก 14 ประเทศเพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน ณ เดือนมี.ค. 53 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.7 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.2 -4.2 ต่อปี)

.

สำหรับสถานการณ์ในทวีปยุโรปนั้น คาดว่าจะไม่กระทบการส่งออกของไทยมากนัก เนื่องจากกลุ่มประเทศที่ประสบปัญหาไม่ใช่ตลาดส่งออกหลักของไทย โดย สศค.คาดว่า การส่งออกของไทยในไตรมาส 2 จะยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมือง

.
2.  ภาระดอกเบี้ยผู้ประกอบการเดือน เม.ย. พุ่ง

-  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยผลสำรวจสภาพคล่องของผู้ประกอบการในเดือน เม.ย. 53 พบว่า ผู้ประกอบการมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ในขณะที่สภาพคล่องลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินลดลง สะท้อนได้จากดัชนีการได้รับเครดิตจากสถาบันการเงินที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.4 จากระดับ 50.9 ในเดือนก่อน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีข้อจำกัดการดำเนินธุรกิจของจากปัญหาการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

.

-  สศค.วิเคราะห์ว่า สินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินเดือน เม.ย. 53 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.9 ต่อปี ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 6.0 ต่อปี จากความกังวลเกี่ยวกับความวุ่นวายทางการเมืองที่ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้นได้ส่งผลให้สินเชื่อภาคธุรกิจลดลง อย่างไรก็ตาม สินเชื่อภาคครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับภาระต้นทุนของผู้ประกอบคาดว่าน่าจะทรงตัวต่อไปตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP 1 day) ที่ไม่น่าปรับขึ้นในระยะนี้ จากความเสี่ยงการเมืองในประเทศและสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะในประเทศกรีซ

.
3.  คลังญี่ปุ่นเล็งลดหนี้สาธารณะ

นายโยชิฮิโกะ โนดะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเปิดเผยวานนี้ (13 มิ.ย. 53) ว่า รัฐบาลจะทบทวนแผนการใช้จ่ายบางเรื่องที่รัฐบาลชุดก่อนได้รับปากไว้ โดยจะไม่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างแบบฉับพลัน แต่จะทำอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งเป็นส่วนหนี่งของมาตรการควบคุมหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาลของญี่ปุ่น

.

ทั้งนี้ นายโนดะกล่าวว่า หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นสูงเกือบ 2 เท่าของจีดีพีซึ่งถือว่าร้ายแรงมาก ด้านนายนาโอโตะ คัง กล่าวในวันเดียวกันว่าอาจพิจารณาลดจำนวนเงินสดที่จะจ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูบุตรให้แก่ครัวเรือน เนื่องจากข้อจำกัดทางการคลัง และในเดือนนี้รัฐบาลเตรียมจะประกาศเป้าหมายระยะกลางและระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาฐานะการคลัง รวมทั้งยุทธศาสตร์กระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในวันศุกร์นี้

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ปัญหาหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงของญี่ปุ่นทำให้เกิดข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจดังเช่นที่เกิดขึ้นในยุโรป ทั้งนี้ ล่าสุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสแรกของปี 2553 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.6 ต่อปี (%yoy) หรือขยายตัวที่ร้อยละ 1.2 ต่อไตรมาส (%qoq_sa)

.

เนื่องจากการส่งออกและบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ โดยการบริโภคและการลงทุนภาครัฐส่งผลต่อจีดีพี (Contribution to GDP growth) ที่ร้อยละ 0.5 ซึ่งหากมาตรการด้านการคลังของรัฐบาลชะลอลงก็จะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในระยะต่อไปได้

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง