เนื้อหาวันที่ : 2010-06-11 09:39:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 594 views

"อภิสิทธิ์" ยันเดินหน้าแผนฟื้นฟู หวังเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน

คณะกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต  และคณะจำนวน 26 คน เข้าพบ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ขอรับทราบนโยบายตลอดจนภาพรวมของการบริหารประเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจของภาคเอกชน

.

วานนี้ (10 มิ.ย. 2553) เวลา 09.30 น.  ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางอัศวินี ไตลังคะ คณะกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) และคณะจำนวน 26 คน เข้าพบ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจและขอรับทราบนโยบายตลอดจนภาพรวมของการบริหารประเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจของภาคเอกชน        

.

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงมุมมองของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจในภาพรวมว่า การฟื้นตัวทั้งโดยธรรมชาติและโดยนโยบายจากภาวะวิกฤติและการเงินของประเทศนั้น ขณะนี้ค่อนข้างที่จะแข็งแรงพอสมควร แต่ด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด รัฐบาลก็พยายามเร่งดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือด้านการท่องเที่ยวให้กลับฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว          

.

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่เศรษฐกิจของไทยมีการขยายตัวได้ค่อนข้างดีนั้น เกิดจากการส่งออกที่ขยายตัวสูงขึ้น  และถ้าผลกระทบจากกลุ่มประเทศกรีซและกลุ่มประเทศที่ถือ   ตราสารที่เกี่ยวข้องกับประเทศเหล่านี้ไม่ส่งกระทบรุนแรงมากนัก ก็คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงรักษาการขยายตัวด้านการส่งออกได้ค่อนข้างดี  เพราะปัจจุบันมีการขยายตัวเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ประมาณร้อยละ 15-16

.

สำหรับนโยบายด้านการคลังนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า จะไม่มีการกู้เงินจำนวน 4 แสนล้านบาทในรอบที่ 2 ส่วนจำนวนเงินที่ได้มีการกู้ยืมไปก่อนหน้านี้จำนวน 4 แสนล้านบาทนั้น  ทางรัฐบาลได้ใช้หนี้ไปแล้วประมาณ 160,000 ล้านบาท และได้นำโครงการใน 4 แสนล้านบาทหลังมาเข้าสู่งบในประมาณปี 2554  ซึ่งคาดว่าเพียงพอกับการกระตุ้นผ่านนโยบายทางการคลังได้

.

นโยบายด้านการเงิน นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ย และจำเป็นต้องมีการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจออกไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งภาพรวมของนโยบายกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่มีการปรับเปลี่ยนมากนัก แต่จะมีการกระตุ้นทางด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไปส่วนหนึ่งแล้ว และคาดว่าเมื่อการท่องเที่ยวภายในประเทศมีการฟื้นตัวไปในทางที่ดีขึ้น  ก็จะเป็นเรื่องง่ายที่จะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นโดยลำดับ

.

ส่วนการฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือในเบื้องต้น จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องของเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการได้มีเงินทุนไปค้าขายต่อ  โดยในส่วนของการจัดหาสถานที่สำหรับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับผลกระทบนั้น ค่อนข้างที่จะลงตัวและมีความชัดเจนแล้ว เหลือแต่เพียงประเด็นของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน สินค้าที่ยังไม่ได้มีการระบาย และการประกันภัย ซึ่งยังคงมีความยุ่งยากพอสมควรในแง่ของขั้นตอนและการตรวจสอบของบริษัทประกันภัยในแต่ละแห่งขณะเดียวกัน

.

นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงการแก้ปัญหาการลงทุนที่มาบตาพุดว่า มีความชัดเจนมากขึ้นโดยลำดับ  ซึ่งโครงการต่าง ๆ ได้รับโอกาสในการที่จะดำเนินการต่อไปได้  แต่อาจจะมีโครงการบางกลุ่มที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว  แต่ยังไม่สามารถประกอบการทำตามกติกาใหม่ได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะเรียบร้อย และคาดว่ารัฐบาลจะสามารถดึงบริษัทรายใหญ่ ๆ ที่มีแผนการลงทุนไว้แล้ว ซึ่งมีอยู่หลายบริษัทให้เข้ามาลงทุนเหมือนเดิม แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าปัญหาทางการเมืองจะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนดังกล่าวว่ามีมากน้อยเพียงใด

.

ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลยังคงพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะยังคงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกระยะหนึ่ง แต่ทั้งนี้ได้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวแล้วว่า การประกาศ พ.ร.ก. ดังกล่าว แม้จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความลังเลใจที่จะเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศไทย 

.

แต่รัฐบาลก็ได้พยายามทำความชี้แจงและอธิบายในต่างประเทศได้มีความเข้าใจในความจำเป็นที่รัฐบาลจะยังคง พ.ร.ก. ฉุกเฉินอยู่  เพราะถ้ามีการยกเลิก พ.ร.ก. ดังกล่าวแล้ว รัฐบาลเกรงว่า ถ้ามีการชุมนุมเกิดขึ้นมาอีก จะเป็นเรื่องยากมากกว่าการฟื้นฟูเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในเรื่องของการท่องเที่ยวกลับคืนมา  แต่รัฐบาลจะพยายามค่อย ๆ ลดจำนวนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงให้น้อยลงตามลำดับ 

.

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวทางที่จะขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปหรือการปรองดองว่า รัฐบาลจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ แม้จะมีบางกลุ่มไม่ยอมรับกับสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการก็ตาม  รัฐบาลจะพยายามเข้าหามวลชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจ  ควบคู่กับการทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนและองค์กรในต่างประเทศมากขึ้น  ซึ่งทั้งหมดเป็นภาพรวมของรัฐบาลที่จะดำเนินการเพื่อให้เกิดรูปธรรมให้เร็วที่สุดต่อไป    

.
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ลัดดา/รายงาน
ณัฐวุฒิ/ภาพ   
.
ที่มา : เว็บไซต์รัฐบาลไทย