เนื้อหาวันที่ : 2010-06-03 13:32:16 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 533 views

มาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบไทยเข้มแข็งหลังเหตุการณ์ชุมนุม

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เสนอมาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553

.

เพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมทั้งการที่กำหนดให้วันที่ 17 – 21 พฤษภาคม 2552 เป็นวันหยุดราชการ โดยมีสาระสำคัญของมาตรการคือ

.

1. กรณีโครงการ 1 ปี ที่ได้รับเงินจัดสรรแล้ว และได้ลงนามในสัญญาภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 ให้เร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินภายใน วันที่ 31 ธันวาคม 2553 

.

2. กรณีโครงการ 1 ปี ที่ได้รับเงินจัดสรรแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา ให้เร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินภายใน วันที่ 31 ธันวาคม 2553 หากไม่สามารถดำเนินการในกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขยายเวลาผ่านรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ต่อคณะกรรมการเร่งรัด ฯ ทั้งนี้จะสามารถขยายเวลาได้ไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2553

.

3. กรณีโครงการ 1 ปี ที่อยู่ระหว่างการขอรับเงินจัดสรรจากสำนักงบประมาณ ให้เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายเงินภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับจัดสรร

.

4. กรณีโครงการ 1 ปี ที่ยังไม่ได้รับเงินจัดสรรเนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
- อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
- โครงการที่ดำเนินในพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
- โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการโดยใช้เงินคงเหลือ (Reallocate) 

.

ให้เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายเงินภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับจัดสรร สำหรับโครงการที่มีระยะเวลาดำเนินงาน มากกว่า 1 ปี ให้เร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้เงิน 

.

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 จากวงเงินกู้รอบแรก 199,960 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายจำนวน 81,663 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 47.9 ของวงเงินที่ได้จัดสรร 170,446 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้รอบที่ 2 จำนวน 149,999 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายจำนวน 66,873 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.5 ของวงเงินที่จัดสรรแล้ว จำนวน 127,381 ล้านบาท