รัฐบาลขิงแก่ยืนยันให้ความสำคัญกับการผลักดันภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง พร้อมเดินหน้านโยบายรัฐด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยระยะยาว เผย ระบบ "ทักษิโนมิก" ของทักษิณไม่สามารถเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจพอเพียงได้ โว เป็นคนละชั้น
สำนักข่าวไทยรายงานข่าว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ยืนยันรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการผลักดันภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง พร้อมเดินหน้าข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ญี่ปุ่น โจมตีระบบ ทักษิโนมิก ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัวและหมกหนี้ไว้กว่า 150,000 ล้านบาท ให้ต้องตามแก้ไข ยืนยันปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยระยะยาว |
. |
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง มาตรการภาครัฐและแนวทางการปรับตัวรับมือค่าเงินบาทผันผวน ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ว่า แนวคิดในการบริหารเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลชุดนี้จะให้ความสำคัญในการผลักดันภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งมีเป้าหมายสุดท้ายที่การจ้างงานทั้งภาคธุรกิจนำเข้า ส่งออก ผลิตสินค้าและการค้า เพราะหากเศรษฐกิจจริงดี ปัจจัยพื้นฐานดี ดัชนีหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นไปได้ถึง 730 จุด เพราะขณะนี้ตลาดหุ้นไทยมีค่าพีอีต่ำสุด นักลงทุนเริ่มเข้าใจมาตรการสำรองและที่สำคัญคือภาคส่งออก เพราะภาคเอกชนมีบทบาทต่อจีดีพีมากถึงร้อยละ 74 |
. |
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงการทำข้อตกลงเอฟทีเอกับต่างชาติว่า รัฐบาลได้ดูทั้งหมดแล้ว ซึ่งเห็นว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการทั้งระดับภูมิภาคอาเซียนและยุโรป อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-จีน ขณะที่การเจรจาเอฟทีเอแบบทวิภาคี จากการพิจารณาแล้วพบว่า หลายข้อตกลงเสียเปรียบต่างประเทศจริง ก็ได้เก็บเรื่องเอาไว้ยังไม่ดำเนินการ แต่เอฟทีเอที่พิจารณาแล้วเห็นว่าคุ้มค่าที่จะเดินหน้าต่อไปคือ เอฟทีเอ ไทย-ญี่ปุ่น โดยการเปิดเสรีกับญี่ปุ่นมีทั้งเปิดเสรีทันทีและเปิดภายหลัง ที่เริ่มเปิดทันทีคือเหล็กคุณภาพสูงที่ไม่สามารถผลิตในไทย |
. |
ส่วนเหล็กที่ไทยผลิตได้จะเปิดในปีที่ 6 นับจากนี้ เพราะต้องให้เวลาเอกชนไทยในการปรับตัว 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมาการจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ส่วนใหญ่มีความเห็นด้านบวก มีบ้างเป็นลบ เช่น ขยะพิษ และรัฐบาลชุดนี้จะเป็นรัฐบาลแรกที่นำข้อตกลงเอฟทีเอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อต้องการสร้างแบบแผนปฏิบัติสำหรับเรื่องต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจะต้องนำสู่การพิจารณาของสภาฯ |
. |
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า นับจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้าร้อยละ 30 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ทำให้ค่าเงินบาทไม่ผันผวนและไม่แข็งค่าจนเกินไปจนส่งออกสินค้าไม่ได้ และนับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2549 จนถึงวันที่ 26 มกราคม 2550 การลงทุนโดยตรงของต่างชาติมียอดรวมแล้ว 70,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ได้จากบริษัทขอรับส่งเสริมลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 35.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 จะยกเลิกเมื่อใด ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ของโลก |
. |
ระบบเศรษฐกิจแบบทักษิโนมิก ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาเป็นการดำเนินเศรษฐกิจที่สุรุ่ยสุร่ายและมีการหมกหนี้นอกงบประมาณจำนวนมากถึง 150,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้พยายามแก้ไขไปแล้วกว่า 80,000 ล้านบาท แต่หากปล่อยไปอีกประมาณ 2-3 ปี เศรษฐกิจไทยจะเห็นโลงศพและต้องหลั่งน้ำตาจะมีปัญหาเหมือนประเทศอาร์เจนตินาแน่นอน ซึ่งการบริหารงาน 1 ปีจะแก้ไขได้ประมาณ 52 เรื่อง แต่หลายโครงการมีปัญหาและเดินหน้าต่อไปได้ยาก แก้ไขยาก เพราะเป็นผลจากระบบทักษิโนมิกที่คิดแล้วทำไปเลยไม่ศึกษาถึงผลดีผลเสียที่จะมีต่อเศรษฐกิจหรือไม่ ทักษิโนมิกที่ผ่านมาใช้หน่วยงานรัฐและกึ่งภาครัฐสร้างปัญหามาก เช่น ไทยแลนด์อีลิท ที่ทำอีลิทการ์ดขายต่างชาติ ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท ขณะนี้ขาดทุนไปแล้ว 900 ล้านบาท แต่แก้ไม่ได้ง่าย เพราะผูกพันกับต่างชาติที่ซื้ออีลิทการ์ด จะต้องใช้วิธีแก้ไขปัญหาแบบนิ่มนวลต่อไป |
. |
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ระบบทักษิโนมิก ใช้หน่วยงานของรัฐทุกอย่าง แม้กระทั่งกึ่งรัฐก็สร้างปัญหามากมาย เรามาแก้ ดีที่เราเข้ามาทัน และได้แก้ 1 ปี ก็จะแก้ทำให้เศรษฐกิจพอยืนต่อไปได้ ปล่อยอย่างนี้อีก 2 ปี จะไปเหลือหรือ แล้วยังจะมีหน้าไปพูดให้ต่างชาติเข้าใจเราผิดอีก ผมว่าไอ้คนคนนี้ไม่รักชาติจริงหรอก |
. |
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าหากเทียบกับทักษิโนมิกแล้ว ทักษิโนมิกไม่สามารถเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจพอเพียงได้ เป็นคนละชั้น เพราะทักษิโนมิกสุรุ่ยสุร่าย แต่เศรษฐกิจพอเพียงยึดหลักสำคัญ 2 ประการ คือ ความพอประมาณและยึดหลักสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งใช้ได้กับเศรษฐกิจการตลาด นายทุนได้อย่างดีเยี่ยม เพราะที่ผ่านมาที่เกิดวิกฤติในปี 2540 เกิดจากการลงทุนเกินตัวมหาศาลมีปริมาณสินค้าและบริการต่าง ๆ มากกว่าความต้องการถึง 3 เท่า เป็นการลงทุนเกินกำลังเศรษฐกิจ |
. |
รัฐบาลที่ผ่านมามีการขาดดุลคิดเป็นร้อยละ 8 ของจีดีพีสูงต่อเนื่อง 5-6 ปี เงินออมที่จะลงทุนมีไม่เพียงพอจนต้องกู้ต่างประเทศจนยอดกู้สูงกว่าทุนสำรองระหว่างประเทศกว่า 3 เท่า ซึ่งอะไรที่เกินก็จะสร้างปัญหา และหากเกินพร้อม ๆ กันก็จะกลายเป็นวิกฤติ ขณะที่เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ทำให้เกิดความถดถอยเหมือนหลายคนไม่เข้าใจและอิจฉา เศรษฐกิจพอเพียงใช้ความพอดีของตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ซึ่งทำให้สามารถรบความเปลี่ยนแปลงและผันผวนได้ ซึ่งไม่ต่างจากทฤษฎีชาวตะวันตกสมัยใหม่ และสิ่งนี้กำกับไม่ให้ทุนนิยมล้มเหลว |
. |
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ การลงทุนยุคเศรษฐกิจพอเพียง ว่า ทิศทางการลงทุนปีนี้คือการลงทุนเพื่อปรับตัวด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกด้านเพื่อรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งควรได้รับความสำคัญ โดยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทุกฝ่ายสามารถปรับใช้และจะเป็นผลดี ขณะที่ในปี 2550 ภาคธุรกิจจะต้องเผชิญกับภาวะโครงสร้างต่าง ๆ คือ การแข่งขันของทั้งโลกที่รุนแรง ภาวะการขาดแคลนแรงงาน จึงต้องอาศัยการเพิ่มประสิทธิภาพและต้องดำเนินด้วยตัวเอง |
. |
สำหรับการลงทุนที่ควรดำเนินการ คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลงทุนพันธมิตรธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี เพราะเป็นวิธีที่ดีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ แต่คนไทยใช้วิธีนี้น้อย การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การลงทุนปรับประสิทธิภาพเครื่องจักร และการลงทุนเพื่อประหยัดพลังงาน. |