เนื้อหาวันที่ : 2007-02-01 09:39:16 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1023 views

รัฐบาลใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงโจมตี ระบบ "ทักษิโนมิก"

รัฐบาลขิงแก่ยืนยันให้ความสำคัญกับการผลักดันภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง พร้อมเดินหน้านโยบายรัฐด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยระยะยาว เผย ระบบ "ทักษิโนมิก" ของทักษิณไม่สามารถเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจพอเพียงได้ โว เป็นคนละชั้น

สำนักข่าวไทยรายงานข่าว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ยืนยันรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการผลักดันภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง พร้อมเดินหน้าข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ญี่ปุ่น โจมตีระบบ ทักษิโนมิก ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัวและหมกหนี้ไว้กว่า 150,000 ล้านบาท ให้ต้องตามแก้ไข ยืนยันปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยระยะยาว

.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง มาตรการภาครัฐและแนวทางการปรับตัวรับมือค่าเงินบาทผันผวน ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)  และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)  ว่า  แนวคิดในการบริหารเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลชุดนี้จะให้ความสำคัญในการผลักดันภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง  ซึ่งมีเป้าหมายสุดท้ายที่การจ้างงานทั้งภาคธุรกิจนำเข้า  ส่งออก  ผลิตสินค้าและการค้า  เพราะหากเศรษฐกิจจริงดี ปัจจัยพื้นฐานดี  ดัชนีหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นไปได้ถึง  730  จุด เพราะขณะนี้ตลาดหุ้นไทยมีค่าพีอีต่ำสุด  นักลงทุนเริ่มเข้าใจมาตรการสำรองและที่สำคัญคือภาคส่งออก เพราะภาคเอกชนมีบทบาทต่อจีดีพีมากถึงร้อยละ  74 

.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงการทำข้อตกลงเอฟทีเอกับต่างชาติว่า  รัฐบาลได้ดูทั้งหมดแล้ว ซึ่งเห็นว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการทั้งระดับภูมิภาคอาเซียนและยุโรป  อาเซียน-ญี่ปุ่น  อาเซียน-จีน  ขณะที่การเจรจาเอฟทีเอแบบทวิภาคี จากการพิจารณาแล้วพบว่า หลายข้อตกลงเสียเปรียบต่างประเทศจริง  ก็ได้เก็บเรื่องเอาไว้ยังไม่ดำเนินการ  แต่เอฟทีเอที่พิจารณาแล้วเห็นว่าคุ้มค่าที่จะเดินหน้าต่อไปคือ เอฟทีเอ ไทย-ญี่ปุ่น โดยการเปิดเสรีกับญี่ปุ่นมีทั้งเปิดเสรีทันทีและเปิดภายหลัง  ที่เริ่มเปิดทันทีคือเหล็กคุณภาพสูงที่ไม่สามารถผลิตในไทย 

.

ส่วนเหล็กที่ไทยผลิตได้จะเปิดในปีที่  6  นับจากนี้ เพราะต้องให้เวลาเอกชนไทยในการปรับตัว  5  ปี  ซึ่งที่ผ่านมาการจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ส่วนใหญ่มีความเห็นด้านบวก มีบ้างเป็นลบ  เช่น  ขยะพิษ  และรัฐบาลชุดนี้จะเป็นรัฐบาลแรกที่นำข้อตกลงเอฟทีเอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อต้องการสร้างแบบแผนปฏิบัติสำหรับเรื่องต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจะต้องนำสู่การพิจารณาของสภาฯ 

.

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า นับจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้าร้อยละ 30 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ทำให้ค่าเงินบาทไม่ผันผวนและไม่แข็งค่าจนเกินไปจนส่งออกสินค้าไม่ได้ และนับตั้งแต่วันที่ 19  ธันวาคม 2549 จนถึงวันที่  26  มกราคม  2550  การลงทุนโดยตรงของต่างชาติมียอดรวมแล้ว  70,000  ล้านบาท  เป็นตัวเลขที่ได้จากบริษัทขอรับส่งเสริมลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ประมาณ  35.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 จะยกเลิกเมื่อใด  ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ของโลก

.

ระบบเศรษฐกิจแบบทักษิโนมิก ในช่วง  4-5  ปีที่ผ่านมาเป็นการดำเนินเศรษฐกิจที่สุรุ่ยสุร่ายและมีการหมกหนี้นอกงบประมาณจำนวนมากถึง 150,000  ล้านบาท  ซึ่งขณะนี้ได้พยายามแก้ไขไปแล้วกว่า  80,000  ล้านบาท แต่หากปล่อยไปอีกประมาณ  2-3 ปี เศรษฐกิจไทยจะเห็นโลงศพและต้องหลั่งน้ำตาจะมีปัญหาเหมือนประเทศอาร์เจนตินาแน่นอน  ซึ่งการบริหารงาน 1 ปีจะแก้ไขได้ประมาณ  52  เรื่อง แต่หลายโครงการมีปัญหาและเดินหน้าต่อไปได้ยาก แก้ไขยาก เพราะเป็นผลจากระบบทักษิโนมิกที่คิดแล้วทำไปเลยไม่ศึกษาถึงผลดีผลเสียที่จะมีต่อเศรษฐกิจหรือไม่  ทักษิโนมิกที่ผ่านมาใช้หน่วยงานรัฐและกึ่งภาครัฐสร้างปัญหามาก  เช่น  ไทยแลนด์อีลิท ที่ทำอีลิทการ์ดขายต่างชาติ  ใช้งบลงทุน 500  ล้านบาท  ขณะนี้ขาดทุนไปแล้ว  900  ล้านบาท แต่แก้ไม่ได้ง่าย เพราะผูกพันกับต่างชาติที่ซื้ออีลิทการ์ด  จะต้องใช้วิธีแก้ไขปัญหาแบบนิ่มนวลต่อไป 

.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  กล่าวว่า ระบบทักษิโนมิก ใช้หน่วยงานของรัฐทุกอย่าง แม้กระทั่งกึ่งรัฐก็สร้างปัญหามากมาย  เรามาแก้ ดีที่เราเข้ามาทัน และได้แก้ 1 ปี ก็จะแก้ทำให้เศรษฐกิจพอยืนต่อไปได้ ปล่อยอย่างนี้อีก 2 ปี จะไปเหลือหรือ แล้วยังจะมีหน้าไปพูดให้ต่างชาติเข้าใจเราผิดอีก ผมว่าไอ้คนคนนี้ไม่รักชาติจริงหรอก

.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  กล่าวถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าหากเทียบกับทักษิโนมิกแล้ว ทักษิโนมิกไม่สามารถเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจพอเพียงได้ เป็นคนละชั้น เพราะทักษิโนมิกสุรุ่ยสุร่าย  แต่เศรษฐกิจพอเพียงยึดหลักสำคัญ  2 ประการ  คือ ความพอประมาณและยึดหลักสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งใช้ได้กับเศรษฐกิจการตลาด  นายทุนได้อย่างดีเยี่ยม  เพราะที่ผ่านมาที่เกิดวิกฤติในปี 2540  เกิดจากการลงทุนเกินตัวมหาศาลมีปริมาณสินค้าและบริการต่าง ๆ มากกว่าความต้องการถึง  3  เท่า  เป็นการลงทุนเกินกำลังเศรษฐกิจ 

.

รัฐบาลที่ผ่านมามีการขาดดุลคิดเป็นร้อยละ  8  ของจีดีพีสูงต่อเนื่อง  5-6  ปี  เงินออมที่จะลงทุนมีไม่เพียงพอจนต้องกู้ต่างประเทศจนยอดกู้สูงกว่าทุนสำรองระหว่างประเทศกว่า  3 เท่า  ซึ่งอะไรที่เกินก็จะสร้างปัญหา  และหากเกินพร้อม ๆ กันก็จะกลายเป็นวิกฤติ ขณะที่เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ทำให้เกิดความถดถอยเหมือนหลายคนไม่เข้าใจและอิจฉา  เศรษฐกิจพอเพียงใช้ความพอดีของตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง  ซึ่งทำให้สามารถรบความเปลี่ยนแปลงและผันผวนได้ ซึ่งไม่ต่างจากทฤษฎีชาวตะวันตกสมัยใหม่ และสิ่งนี้กำกับไม่ให้ทุนนิยมล้มเหลว 

.

นายโฆสิต  ปั้นเปี่ยมรัษฎ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวปาฐกถาพิเศษ การลงทุนยุคเศรษฐกิจพอเพียง  ว่า  ทิศทางการลงทุนปีนี้คือการลงทุนเพื่อปรับตัวด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกด้านเพื่อรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น  ซึ่งควรได้รับความสำคัญ  โดยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทุกฝ่ายสามารถปรับใช้และจะเป็นผลดี ขณะที่ในปี  2550  ภาคธุรกิจจะต้องเผชิญกับภาวะโครงสร้างต่าง ๆ  คือ  การแข่งขันของทั้งโลกที่รุนแรง  ภาวะการขาดแคลนแรงงาน จึงต้องอาศัยการเพิ่มประสิทธิภาพและต้องดำเนินด้วยตัวเอง

.

สำหรับการลงทุนที่ควรดำเนินการ คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลงทุนพันธมิตรธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี เพราะเป็นวิธีที่ดีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ แต่คนไทยใช้วิธีนี้น้อย  การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  การลงทุนปรับประสิทธิภาพเครื่องจักร และการลงทุนเพื่อประหยัดพลังงาน.