เนื้อหาวันที่ : 2010-05-04 09:44:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2200 views

มิตซูบิชิยันเริ่มผลิตอีโคคาร์ปลายปี 54

มิตซูบิชิยืนยันจะเริ่มผลิตอีโคคาร์ปลายปี 54 และเปิดตัวช่วงต้นปี 55 พร้อมเร่งศึกษาตั้งโรงงานแห่งใหม่รับตลาดในอนาคต

มิตซูบิชิยืนยันจะเริ่มผลิตอีโคคาร์ปลายปี 54 และเปิดตัวช่วงต้นปี 55 พร้อมเร่งศึกษาตั้งโรงงานแห่งใหม่รับตลาดในอนาคต

.

.

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ยืนยันเดินหน้าโครงการอีโคคาร์ในไทย มูลค่าเงินลงทุน 8,000 ล้านบาท คาดเริ่มผลิตในเดือนกันยายน 2554 และเปิดตัวรถช่วงต้นปี 2555 พร้อมพิจารณาสร้างโรงงานผลิตอีโคคาร์แห่งใหม่ในอนาคต หากพบว่าตลาด มีความต้องการเพิ่มขึ้น 

.

นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังพบหารือร่วมกับ มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย มร.กายู อูเอสุกิ กรรมการบริหาร ด้านกลยุทธ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่นว่า

.

ผู้บริหารมิตซูบิชิ ต้องการยืนยันเจตนารมณ์ในการลงทุนโครงการ “มิตซูบิชิ อีโคคาร์” ในประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตในช่วงเดือนกันยายน 2554 และเปิดตั วรถ อีโคคาร์สำหรับตลาดเมืองไทยได้ในช่วงเดือนมีนาคม 2555 

.

โดยรถรุ่นที่ผลิตตามโครงการนี้ จะใช้แพลทฟอร์มใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะมีกำลังการผลิตตามกรอบเงื่อนไขของบีโอไอ ที่กำหนดกำลังการผลิตไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 100,000 คันต่อปี

.

ซึ่งตามแผนการดำเนินงานระยะแรกจะเป็นการผลิตรถโดยปรับสายการผลิตในโรงงานที่มีอยู่ปัจจุบันซึ่งตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทั้งนี้บริษัทพร้อมที่จะพิจารณาสร้างโรงงานแห่งใหม่ หากผลการสำรวจพบว่ามีความเป็นไปได้ของตลาดในอนาคตมีความต้องการเพิ่มขึ้น 

.

“นับเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างบีโอไอ และผู้บริหารของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งการหารือกันในครั้งนี้ นอกจากการยืนยันถึงการเดินหน้าลงทุนตามโครงการ ยังเป็นโอกาสดีที่ทำให้ทั้งบีโอไอ และบริษัทจะได้ให้คำปรึกษารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับโครงการเพิ่มเติมด้วย” นางอรรชกากล่าว 

.

สำหรับบริษัท มิตซูบิชิ ได้ยื่นขอสนับสนุนการลงทุนในโครงการอีโคคาร์ กับบีโอไอ ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2550 มีมูลค่าเงินลงทุนตามโครงการ ประมาณ 8,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 คน