เนื้อหาวันที่ : 2010-04-29 14:49:03 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 574 views

ราชบุรีโฮลดิ้ง ปลื้มไตรมาสแรกกำไรพุ่งกว่า 28%

ราชบุรีโฮลดิ้ง กำไรสุทธิ 1,457.27 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2553 รายได้เพิ่ม 28.57% และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันเพิ่มขึ้น 169.90% 

.

เร่งเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ให้แล้วเสร็จในปลายปีนี้ และขยายการลงทุนโครงการขนาดเล็กและพลังงานทดแทนในประเทศ เพิ่มอีกประมาณ 3 โครงการ ภายในปี 2554 

.

บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ประกาศผลการดำเนินงานบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำ ไตรมาสแรกปี 2553 ฉบับก่อนสอบทาน บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,457.27 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.01 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า 386.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.94 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีรายได้จากการขายและบริการเป็นจำนวน 9,884.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.57 คิดเป็นจำนวน 2,196.29 ล้าบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2552 

.

นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง กล่าวว่า “ในไตรมาสแรกของปีนี้การดำเนินงานของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย หากพิจารณาจากรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.57 จากปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกัน เพิ่มขึ้น 1.7 เท่า และต้นทุนทางการเงินลดลง ร้อยละ 34.82 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

.

แต่เนื่องจากอัตราค่าความพร้อมจ่ายปี 2553 ที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ต่ำกว่าปี 2552 จึงทำให้รายได้จากค่าความพร้อมจ่ายลดลงส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 386.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.94 และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 30.38%”

.

ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 10,360.54 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 9,884.68 ล้านบาท รายได้ค่าบริการการจัดการ จำนวน 35.94 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นๆ รวม 99.76 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันรวมจำนวน 340.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 169.90     

.

ปัจจัยสำคัญมาจากผลประกอบการของ บจ.ไตรเอนเนอจี้ (โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้) ที่ดีขึ้นจากปีที่แล้ว โดยบริษัทฯ รับรู้กำไรส่วนแบ่งจากสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50 เป็นเงินจำนวน 156.11 ล้านบาท นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบจ. ราชบุรีเพาเวอร์ (โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์) จำนวน 211.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.10 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 

.

สำหรับ ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายรวม มีจำนวน 8,543.38 ล้านบาท โดยเป็นต้นทุนขายและการให้บริการ จำนวน 8,354.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 54.61 เนื่องจากโรงไฟฟ้าราชบุรีมีการหยุดเดินเครื่องตามความต้องการของระบบ (Reserve Shutdown) น้อยกว่าไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ส่งผลให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 72.86  

.

อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสนี้ มีจำนวน 169.48 ล้านบาท ลดลง 90.52 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.82 และภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 190.41 ล้านบาท ลดลง 83.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30.38 เป็น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2552 

.

“ในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตด้วยการขยายการลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาใน สปป. ลาว จำนวน 4 โครงการ โดยมี 3 โครงการที่คืบหน้าตามกำหนดที่วางไว้ คือโครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2

.

ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำได้ถึงหนึ่งในสามของปริมาณน้ำที่ต้องการกักเก็บแล้วและจะสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าขั้นต้นได้ในปลายปีนี้ โครงการโรงไฟฟ้าหงสา มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และโครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 3 อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หลังจากลงนามบันทึกความเข้าใจโครงสร้างราคาค่าไฟฟ้ากับ กฟผ.

.

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนและโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก นอกจากความคืบหน้าในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเขาค้อ จ. เพชรบูรณ์และส่วนขยายโรงไฟฟ้าประดู่เฒ่าที่บริษัทลงทุนแล้ว ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนในโครงการประเภทโคเจนเนอเรชั่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และชีวมวล ภายในประเทศ

.

ซึ่งคาดว่าในปี 2554 จะสามารถขยายการลงทุนเพิ่มอีก 3 โครงการ ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง นอกจากมุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า แล้วบริษัทยังมีความสนใจในธุรกิจเหมืองถ่านหิน ที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้าในต่างประเทศ ด้วย ” นายนพพล กล่าวปิดท้าย