รายงานสถานการณ์ตลาดสหรัฐฯ |
ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส 500 (S&P 500) ของสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์หลังจากเริ่มต้นปี 2553 ในแดนลบ ราคาหุ้นได้รับแรงหนุนจากตัวเลขรายได้ขององค์กรที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นส่วนใหญ่และคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯได้แถลงแสดงเจตจำนงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในระดับต่ำต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ |
. |
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเติบโตขึ้นสองไตรมาสติดต่อกัน โดยอัตราการเติบโตของสหรัฐฯล่าสุดแซงหน้าอัตราการเติบโตในเขตเศรษฐกิจยุโรปและสหราชอาณาจักร อัตราการเติบโตของสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยังเดินหน้าหลังจากประกาศใช้เมื่อต้นปี 2552 ซึ่งได้สร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้บริโภคในการซื้อรถยนต์และบ้าน |
. |
รวมถึงการให้เงินทุนแก่สถาบันการเงิน นอกจากนี้ ตัวเลขการว่างงานปรับลดลงพอประมาณในเดือนมกราคม ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงแข็งแกร่ง และค่าเงินเหรียญสหรัฐฯเริ่มที่จะแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆที่สำคัญของโลก |
. |
แม้ว่าข้อมูลจะอยู่ในด้านบวก แต่ยังมีสิ่งที่จะต้องพิจารณาและติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างที่เห็นได้จากราคากลางของบ้านสร้างใหม่และบ้านเก่าที่ตกลงอย่างรุนแรงในเดือนมกราคม เมื่อเทียบกับหนึ่งเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางภาวะจำนวนบ้านที่ล้นตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ซื้อหลายรายที่มีความต้องการยังรอดูสถานการณ์ |
. |
แนวโน้มเศรษฐกิจและตลาด |
บริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นหลายแห่งมีความคิดเห็นต่อปีงบประมาณใหม่ที่ตรงกันในระยะแรก เมื่อรายงานตัวเลขรายได้ประจำไตรมาสสี่ โดยบริษัทส่วนใหญ่มองว่าแม้จะมีอุปสรรคในโครงสร้างเศรษฐกิจดังที่กล่าวมา แต่รู้สึกว่าความเชื่อมั่นของตลาดกำลังกลับมาอย่างช้าๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา |
. |
การประชุมหารือกับหลายบริษัทที่เราถือหุ้นยืนยันว่ามีการเปลี่ยนแปลงในหลายปัจจัย ได้แก่การที่ธุรกิจกลับมาสั่งสินค้าเพื่อเก็บในสินค้าคงคลังอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ โดยมีสาเหตุจากบริษัทดำเนินการบริหารเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ที่แท้จริงในตลาดจากระดับที่เคยต่ำมาก การรวมกันของสองปัจจัยทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมมากขึ้นและกำไรส่วนต่างของธุรกิจเพิ่มขึ้น |
. |
แต่ในขณะที่ฝ่ายจัดการของบริษัทส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในด้านบวกนั้น ปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นยังมีบ้างจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่เกี่ยวกับอุปสงค์ว่าจะมีเสถียรภาพและเติบโตต่อไปได้เพียงใด และที่สำคัญเราเห็นว่าการเปรียบเทียบรายได้ขององค์กรปีต่อปีจะสร้างปัจจัยบวกให้แก่รายได้ขององค์กรในสองไตรมาสแรกของปี 2553 ได้อย่างมาก เนื่องจากตัวเลขรายได้ในช่วงต้นปี 2552 ได้ลดลงอย่างรุนแรง |
. |
จากจุดนี้ทำให้ระดับความเชื่อมั่นของตลาดเพิ่มขึ้นได้พอสมควร ส่วนตัวเลขรายได้ในครึ่งหลังของปี 2553 น่าจะสะท้อนภาพที่ชัดเจนของระดับอุปสงค์ได้มากขึ้น |
. |
เรายังได้สังเกตว่าการกลับมาลงทุนใหม่ของภาคธุรกิจเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ บริษัทที่มีลักษณะธุรกิจที่มั่นคงมากกว่าหรือมีงบดุลที่แข็งแกร่งยังคงลงทุนเพื่อซื้อกิจการอื่นๆอย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์จะยังคงไม่แน่นอนก็ตาม |
. |
ขณะที่อีกหลายบริษัทได้ดำเนินการซื้อคืนหุ้นของตน บริษัทอเมริกันเป็นธุรกิจระดับนานาชาติที่มีสาขาทั่วโลก ดังนั้นในระยะยาว เราคาดการณ์ว่าจะมีเงินทุนส่วนหนึ่งไหลมาลงทุนมากขึ้นในต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทต้องการขยายตลาดสำหรับตราสินค้าและเทคโนโลยีของตนในต่างประเทศ เช่นเดียวกันกับบริษัทพลังงานที่ได้เพิ่มการใช้จ่ายด้านทุนในต่างประเทศต่อไป เพื่อการสำรวจแหล่งน้ำมันใหม่ๆ ที่จะมาตอบสนองความต้องการพลังงานของโลกที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น |
. |
แม้ว่ามูลค่าหุ้นจะยังคงปรับขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ แต่อเบอร์ดีนยังคงมองเห็นราคาหุ้นที่น่าสนใจในบริษัทที่ดี เนื่องจากอเบอร์ดีนมีศักยภาพในการเลือกหุ้นและลงทุนในหุ้นดีเหล่านั้นในระยะยาวในทุกสภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าในกรณีของกรีซที่มีปัญหาความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้สินจะทำให้ความทรงจำที่เลวร้ายในอดีตเกี่ยวกับวิกฤตสินเชื่อของโลกกลับมา แต่เรายังคงมั่นใจในคุณภาพของปัจจัยพื้นฐานในบริษัทต่างๆที่เราลงทุน รายงานรายได้ของภาคธุรกิจที่น่าพอใจทำให้ดัชนีหุ้นของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ |
. |
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงสองครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จัดทำโดยคณะกรรมการวิจัยผู้บริโภคปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งยุติการปรับขึ้นติดต่อกันสามเดือนของดัชนีลง จากแถลงการณ์ของคณะกรรมการฯ ผู้บริโภคแสดงความกังวลเกี่ยวกับสภาวะธุรกิจและตลาดงานในปัจจุบัน แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะลดลงในเดือนนี้ แต่ก็ยังคงสูงกว่าหนึ่งปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งย่อมแสดงถึงมุมมองในระยะยาวของผู้บริโภคที่เป็นบวกมากขึ้น |