นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังมีมาตรการเร่งรัดเบิกจ่าย โดยได้ออกมาตรการสำหรับการกันเงินไว้เหลื่อมปีและการขยายเวลาการเบิกจ่าย ซึ่งตั้งแต่ปี 2545 – 2552 มีเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีหรือขอขยายเวลาการใช้จ่ายมีสูงถึง 146,502 ล้านบาท |
. |
โดยหน่วยงานที่มีการขอกันเงินและขยายเวลาการใช้จ่ายสูงสุด 3 หน่วยงานคือ กระทรวงกลาโหม (55,288 ล้านบาท) กระทรวงมหาดไทย (47,721 ล้านบาท) และ กระทรวงศึกษาธิการ (13,638 ล้านบาท) สำหรับสาระของมาตรการการกันเงิน มีดังนี้ |
. |
1. การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณกรณีมีหนี้ผูกพัน ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และ/หรือ ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินได้จนสิ้นเดือนมีนาคม 2553 และมีวงเงินแต่ละรายการตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินต่อไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2553 ทุกรายการ |
. |
ส่วนเงินงบประมาณรายการที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว แต่มีวงเงินคงเหลือในระบบ GFMIS แต่ละรายการต่ำกว่า 50,000 บาท หากยังไม่สามารถเบิกจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นได้ทันภายในเดือนมีนาคม 2553 ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป หากมีความจำเป็นต้องเบิกจ่ายภายหลังเวลาดังกล่าวให้ดำเนินการเบิกเป็นค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปีในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ |
. |
2. การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน อนุมัติเฉพาะเงินงบประมาณปี พ.ศ.2522 เท่านั้น ส่วนเงินงบประมาณปีก่อนที่ยังไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนมีนาคม 2553จะไม่อนุมัติให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินต่อไปอีก |
. |
ดังนั้น จึงขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานเข้าของงบประมาณรีบดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและ/หรือเบิกจ่ายเงินให้เสร็จภายในเดือนมีนาคม 2553 หากไม่สามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นได้ทันภายในช่วงเวลาดังกล่าว ให้รีบดำเนินการปรับแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณ หรือ โอนเปลี่ยนแปลงรายการเพื่อนำเงินงบประมาณไปดำเนินโครงการหรือรายการที่สามารถเบิกจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นได้ทันภายในเดือนมีนาคม 2553 |
. |
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการนี้จะช่วยในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งหากหน่วยงานต่าง ๆ ไม่รีบเบิกจ่ายงบประมาณภายในเวลาที่กำหนด ก็อาจถูกยกเลิกโครงการ หรือการใช้งบประมาณ โดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว |