การจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่ค่าน้ำมันแพง ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้าอีกทั้งยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานให้แก่โลก
การจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่ค่าน้ำมันแพง ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้าอีกทั้งยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานให้แก่โลก ดังนั้นปัจจุบันเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารสำนักงานต่างๆ ตลอดจนผู้ประกอบการจึงได้ให้ความเอาใจใส่ในเรื่องนี้กันเป็นอย่างมากและหาทางที่จะแสวงหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้แก่ตนเอง
กลุ่มบริษัท ไอ.ที.ซี. หนึ่งในแถวหน้าของประเทศ ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การันตีได้จากการได้รับรางวัลที่หนึ่งจากสมาคม ASHRAE ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทฯเป็นผู้นำด้านการออกแบบและติดตั้งระบบทำความเย็นด้านอุตสาหกรรมอาหารได้นำประสบการณ์ด้านวิศวกรรมโดยเฉพาะเครื่องทำความเย็นในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทำการพัฒนาระบบ ICE BANK หรือ THERMAL ICE STORAGE มาใช้ในการติดตั้งในเรื่องของระบบอุตสาหกรรม
นายอภิชัย ล้ำเลิศพงศ์พนา กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ไอ.ที.ซี. กล่าวว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบที่เน้นในเรื่องการประหยัดพลังงานและมีการนำเทคโนโลยีระบบสะสมพลังงานความเย็นในรูปของน้ำแข็ง ICE BANK เข้ามาใช้กับวงการอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยระบบนี้สามารถช่วยในด้านการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี โดยจะทำให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไปเกือบ 50 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันหรือภายในเวลาที่เท่ากันซึ่งจะเป็นการช่วยลดปัญหาของการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าของชาติได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ระบบ ICE BANK หรือ THERMAL ICE STORAGE จะถูกนำมาปรับใช้กับอุตสาหกรรมความเย็น เพื่อเก็บรักษาอาหารไม่ให้เปลี่ยนสภาพ ต่อมาระบบการสะสมพลังความเย็นในรูปของน้ำแข็งนี้ก็ได้พัฒนาและนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในโซนยุโรปและอเมริกา ซึ่งนอกจากจะใช้ในวงการอุตสาหกรรมสำคัญๆ แล้วยังได้นำมาประยุกต์ใช้ใน อาคารบ้านเรือน โรงแรม ตึกสูงต่างๆ ด้วย
สำหรับประเทศไทยได้มีการนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาศึกษาหาความเหมาะสมที่จะใช้ในประเทศเมื่อ 5-6 ปีก่อน แต่ยังไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบผลตอบแทนในระยะยาวที่สามารถช่วยในการลดค่าใช้จ่ายในการประหยัดพลังงานและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงาน จึงทำให้เป็นที่ยอมรับและเห็นความสำคัญของระบบนี้ในบางกลุ่มเท่านั้น อีกประการหนึ่งในเวลานั้นประเทศยังไม่ได้เผชิญกับสถานการณ์ในเรื่องน้ำมันแพง โดยจะมีการนำไปใช้กับโรงนมและขยายเข้าสู่การถนอมอาหารพวกพืชไร่เพื่อการส่งออกประเภทไก่สดหรืออาหารทะเลต่างๆ
แต่ปัจจุบันจากการที่คนทั่วโลกมีความตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อนมากยิ่งขึ้น ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น โดยการหันมามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานหลากหลายรูปแบบ ทำให้บริษัทฯได้มีการพัฒนาระบบ ICE BANK อย่างจริงจังโดยมุ่งหวังที่จะนำระบบมาติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสูง ห้างสรรพสินค้า เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยประหยัดพลังงานของชาติในรูปลักษณ์ของการลดทั้งค่าใช้จ่ายและใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
ซึ่งการทำงานของระบบนี้จะเป็นการทำน้ำธรรมดาให้แข็งตัวจนเป็นน้ำแข็งในช่วงที่มีค่าไฟราคาถูก (กลางคืน) และจะนำกลับมาละลายให้เป็นน้ำ ซึ่งน้ำแข็งจะละลายความร้อนแฝงออกมาใช้ในช่วงที่ค่าไฟแพง เจ้าความร้อนตัวนี้เองที่จะเป็นความเย็นที่จะปล่อยเข้าสู่ระบบความเย็นภายในตัวอาคาร ซึ่งเราก็จะได้รับความเย็นเหมือนกับเครื่องปรับอากาศทั่วไป (น้ำแข็ง 1 ปอนด์ให้ค่าความเย็น 144 BTU ) ดังนั้นวิธีนี้จะทำให้ประหยัดค่าไฟได้พร้อมๆ กับพลังงานโดยเมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศทั่วไปกับระบบ ICE BANK
อย่างไรก็ตามถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบครั้งแรกจะสูงกว่าการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในขนาดเท่ากันประมาณ 15% แต่ในช่วงเวลาเพียง 2-3 ปี จะสามารถคืนทุนในรูปของการประหยัดค่าไฟได้ จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากเป็นระบบจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประหยัดพลังงาน นั่นก็คือการประหยัดส่วนต่างที่ไม่ต้องจ่ายค่า DEMAND CHARGE ที่รัฐเก็บเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10-15% เพราะระบบ ICE BANK เป็นระบบที่สร้างความเย็นโดยการทำงานที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในเวลากลางคืนหรือช่วงตั้งแต่ 22.00-06.00 น.
ในการเปลี่ยนแปลงน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็ง และหยุดทำงานในช่วงเวลากลางวันเพื่อละลายน้ำแข็งให้ออกมาเป็นไอเย็นเพื่อปรับอากาศภายในห้องเหมือนเช่นเครื่องปรับอากาศทั่วๆ ไป นอกจากนี้ระบบนี้จะติดตั้งและการฝังถังน้ำขนาดใหญ่ไว้บริเวณใต้อาคาร ซึ่งถังนี้จะเป็นแหล่งสะสมน้ำเพื่อใช้ในการผลิตน้ำแข็ง จะสามารถนำออกมาใช้ได้ในยามที่เกิดอัคคีภัย และยังช่วยถ่วงให้อาคารมีความสมดุลมากขึ้นไม่ให้สั่นไหวมากเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งในญี่ปุ่นได้กำหนดให้มีการติดตั้งลักษณะนี้ในตึกสูงต่างๆ
วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สู่การประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการหาพลังงานทดแทน เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าอย่างได้ผล บริษัทฯ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาครัฐและเอกชนจะร่วมมือกันป้องกันปัญหาด้านพลังงานอย่างจริงจัง ด้วยระบบจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในขณะนี้ได้มีผู้ผลิตจำนวนมากที่หันมาใช้ระบบดังกล่าวในโรงงานของตนเอง นายอภิชัย กล่าวในที่สุด
ความเป็นมาของกลุ่มบริษัทไอ.ที.ซี. ได้ดำเนินธุรกิจด้านระบบทำความเย็นอุตสาหกรรมมากว่า 27 ปี มีโรงงานผลิตจำนวน 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบริษัทฯที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบบทำความเย็นอุตสาหกรรม มีประสบการณ์ในด้านวิศวกรรมในการออกแบบผลิตและติดตั้งเครื่องจักร เครื่องทำความเย็นในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ได้มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับทั้งภายในประเทศและต่างประเทศไว้วางใจ อาทิ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน และประเทศแถบตะวันออกกลาง
สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ อาทิ การออกแบบและสร้างระบบทำความเย็นให้แก่โรงงานผลิตอาหาร ในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งโครงงานการออกแบบและสร้างระบบทำความเย็นครั้งนี้ทำให้บริษัทฯได้รับรางวัลชนะเลิศระดับโลก “เทคโนโลยีอะวอร์ด”หมวดอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิต (First Place 2008 ASHRAE Technology Award-The Industrial Facilities and Processes Category) จากสมาคมแอชเร่ย์ (ASHRAE) สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2552 “แอชเร่ย์” เป็นสมาคมทางวิชาการด้านวิศวกรรมการปรับอากาศ และทำความเย็นระดับโลก
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เข้ารับพระราชทานรางวัลเกียรติคุณในฐานะหน่วยงานดีเด่นของชาติ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปี 2551 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นำมาซึ่งความปราบปลื้มให้กับบริษัทฯ และพนักงานทุกคนอย่างยิ่ง