เนื้อหาวันที่ : 2007-01-25 09:13:29 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 900 views

ไทยเล่นลูกอ้อนง้อต่างชาติ ยันพร้อมรับการลงทุนแม้แก้ไขกฎหมาย

นายกรัฐมนตรียืนยันต่อผู้บริหารหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย พร้อมรับการลงทุนจากต่างชาติ แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายด้านเศรษฐกิจหลายฉบับ แต่เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

สำนักข่าวไทยรายงานข่าว นายกรัฐมนตรียืนยันต่อผู้บริหารหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย พร้อมรับการลงทุนจากต่างชาติ แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายด้านเศรษฐกิจหลายฉบับ แต่เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการลงทุนภาครัฐ และการลงทุนผลิตไฟฟ้าของเอกชน พร้อมกำหนดเป้าหมายให้ปีนี้ เป็นปีแห่งการปฏิรูป และจัดการเลือกตั้งภายในปีนี้

.

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์แก่ผู้บริหารหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของไทย และนโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่า การเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะบรรลุผลอย่างประสบความสำเร็จ แต่ไม่ควรประเมินสิ่งท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ต่ำเกินไป ขณะที่กลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งการเข้าถึงอำนาจและเงินทอง

.

แต่รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะขจัดล้างอิทธิพลเหล่านี้ เพื่อบรรลุคำมั่นและเป้าหมายของการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมก่อนสิ้นปีนี้ โดยรัฐบาลกำหนดเป้าหมายการปฏิรูปการเมืองใน 4 เป้าหมายหลัก ได้แก่ ดำเนินการปฏิรูปการเมืองให้ประสบผลสำเร็จ  ฟื้นฟูความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชาติ ซึ่งต้องการสมานความแตกแยกทางการเมือง และนำมาซึ่งความสมานฉันท์และความยุติธรรมสู่ประชาชนในภาคใต้  ลดช่องว่างระหว่างรายได้ และส่งเสริมหลักนิติธรรมเข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับทุกคน จึงต้องถอนรากคอร์รัปชัน และปฏิรูปการดำเนินการของหน่วยงานด้านยุติธรรมและตำรวจ

.

พล.อ.สุรยุทธ์ ขอให้เหล่านักลงทุนเชื่อมั่นว่า การกระทำของรัฐบาลมีจุดประสงค์ที่จะช่วยประเทศไทยให้มีความโปร่งใสมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความสามารถในการผลิตมากขึ้น มีความเที่ยงธรรมมากขึ้น และเป็นสังคมที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายแรกของรัฐบาลคือ การบรรลุการปฏิรูปการเมือง พร้อมขอให้นักลงทุนมั่นใจว่า เหตุการณ์เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา จะไม่ขัดขวางการก้าวไปข้างหน้าของรัฐบาล โดยรัฐบาลเพิ่มระบบตรวจตราที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่คนไทยและนักลงทุนต่างประเทศ

.

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปี 2550 เป็นปีแห่งการปฏิรูป เป็นปีที่มีการนำเอาระบบเศรษฐกิจมาอยู่บนพื้นฐานแห่งความพอเพียง โดยมีเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ภายใต้หลักการที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ ความโปร่งใส ความเป็นธรรม ความมีประสิทธิภาพ และการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและพอเพียง เพื่อมุ่งไปสู่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ความพยายามของรัฐบาลในปีนี้ จะเป็นการเดินเครื่องไปสู่การขยายโอกาสทางธุรกิจ และการปรับปรุงศักยภาพการผลิต เพื่อให้รับกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

.

ขณะเดียวกัน ก็ให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นเดียวกันกับการดำเนินการปฏิรูประบบกฎหมาย โดยประเทศไทยจะสานต่อการเชื่อมกับเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดโลก ประเทศไทยยังคงอ้าแขนรับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจ

.

ขณะนี้เศรษฐกิจของไทยมีความเข้มแข็งของปัจจัยพื้นฐาน แม้จะมีสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สภาวะแห้งแล้ง การเกิดน้ำท่วม ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่การส่งออกยังเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.9 นักลงทุนระยะยาวยังแสดงความสนใจการลงทุนในประเทศไทย เพราะคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ แจ้งตัวเลขการเข้ามาลงทุนทางตรงในประเทศไทยของต่างชาติในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาว่า มีถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท

.

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนใหม่ของ บริษัท Ford และ Panasonic ที่ได้มีการประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และถึงแม้ว่า ไทยจะถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกก็ตาม แต่ยังมั่นใจว่า อัตราการเติบตัวของประเทศยังอยู่ที่ระดับร้อยละ 4-5 ในปีนี้ โดยระบบอัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายทางการเงินจะถูกนำมาปรับใช้ เพื่อช่วยรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

.

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสนับสนุนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนำมาใช้เป็นหลักการพื้นฐานของนโยบายการพัฒนา โดยจะให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคง ความมีวินัยของนโยบายเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงการให้แบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้มีความเป็นธรรม  แต่รัฐบาลยังคงยึดมั่นต่อตลาดที่เสรี การเปิดเสรีทางการค้าและบริการ โดยยังมุ่งผลักดันความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ในกรอบอาเซียน ซึ่งจะส่งผลประโยชน์แก่เศรษฐกิจในระดับภูมิภาคร่วมกัน

.

แต่การเจรจาความตกลงการค้าเสรีแบบทวิภาคี จะถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เห็นได้จากกรอบการพัฒนาหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย- ญี่ปุ่น คณะรัฐมนตรีเปิดให้แสดงความเห็นและทำประชาพิจารณ์ และส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป เพื่อทำให้เกิดความแน่ใจว่า ประชาชนสามารถร่วมจัดการกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังมาถึง

.

นอกจากนี้ รัฐบาลจะกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการขยายระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ 5 เส้น ครอบคลุมระยะทาง 118 กิโลเมตร โครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการปรับปรุงระบบเครือข่ายการขนส่ง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยรวม การจัดการกับการเกิดน้ำท่วมและปัญหาภัยแล้ง การขยายเส้นทางติดต่อสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 

.

และรัฐบาลจะพิจารณาแก้ไขร่าง พ.ร.บ. การปิโตรเลียม เพื่อดึงดูดการลงทุน การสำรวจและสกัดเชื้อเพลิงปิโตรเลียม รวมทั้งการประกาศเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ในเดือนมีนาคม โดยจะมีเม็ดเงินใหม่กว่า 400,000 ล้านบาท ในการผลิตพลังงานและแสวงหาพลังงานชีวภาพด้วย การสนับสนุนการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน การแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม การกำหนดกฎหมายการค้าส่งและการค้าปลีก การสร้างความเข้มแข็งให้กับกฎหมายว่าด้วยการแข่งขัน

.

ส่วนข้อห่วงใยเกี่ยวกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ร่างฯ ดังกล่าว จะไม่ส่งผลต่อบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินธุรกิจ ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต การธุรกิจส่งออก และอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ และอื่นๆ ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยรัฐบาลจะหาทางออกให้กับนักลงทุนที่ตกอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน โดยการแก้ไขกฎหมายเพื่อสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียม สร้างความเข้มแข็งให้กับศักยภาพที่ถูกละเลย ชี้ช่องโหว่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการสร้างอุปสรรคที่ไม่จำเป็นต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ปรับปรุงในแง่เทคนิคและข้อกฎหมายต่าง ๆ

.

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังเชิญชวนนักธุรกิจต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศ ริเริ่มโครงการเศรษฐกิจพอเพียง หรือโครงการอย่างยั่งยืน ตามแนวคิดหลัก ในพระปรีชาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยริเริ่มโครงการต่าง ๆ ภายในองค์กรหรือชุมชน เช่น การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการในระยะยาวในทุกด้าน พร้อมเชื่อว่า ไทยจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมต่อการลงทุนและการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ความสามารถในการผลิต เที่ยงธรรมและยั่งยืนเพิ่มขึ้น.