เนื้อหาวันที่ : 2010-03-16 09:35:34 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 579 views

รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 16 มี.ค. 2553

1. ภัยแล้งคุกคามภาคเกษตรไทย ส่งผลให้วัตถุดิบไม่เพียงพอ กระทบต่อเนื่องส่งออกอาหาร

.

-  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รายงานว่าระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2552- 11 มี.ค. 2553 มีพื้นที่ประสบภัยแล้งครอบคลุม 46 จังหวัดทั่วประเทศ ส่งผลให้ประชาชนขาดแคลนน้ำ และพื้นที่เกษตรคาดว่าจะเสียหาย 118,414 ไร่ โดยเฉพาะในส่วนของนาข้าว พืชไร่ พืชสวนและพืชอื่นๆ

.

นอกจากนี้ อากาศร้อนยังส่งผลต่อการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่างๆ และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังวัตถุดิบประเภทสินค้าปศุสัตว์ และพืชเกษตรที่จะต้องนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปเพื่อการส่งออก ทำให้โรงงานแปรรูปอาหารไม่กล้ารับออเดอร์ เนื่องจากต้นทุนในธุรกิจอาหารแปรรูปต่างๆ เช่น ไก่เนื้อ ไก่ไข่ สุกร และกุ้ง เพิ่มขึ้น

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ภัยแล้งจะส่งผลกระทบให้เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบทางการเกษตร และทำให้ราคาวัตถุดิบทางการเกษตรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องให้อัตราเงินเฟ้ออาจขยับขึ้นตาม โดยล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค. 53 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.7  นอกจากนี้ ผลผลิตการเกษตรที่ลดลงยังจะอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องให้รายได้เกษตรกรลดลงในระยะต่อไปอีกด้วย

.
2. เอกชนชี้อสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดฯ เริ่มกลับมาเปิดตัวมากขึ้นในเดือน ก.พ. 53

-  บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เปิดเผยว่าเดือน ก.พ. 53  มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดใหม่รวมทั้งสิ้นจำนวน 23 โครงการหรือคิดเป็นจำนวนหน่วยขายรวมทั้งสิ้น 4,757 หน่วย โดยประเภทที่มีการพัฒนามากที่สุด คือ อาคารชุด มีจำนวนมากถึง 2,799 หน่วย (58.8%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์มีจำนวน 1,093 หน่วย (23.0%)

.

ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว มีจำนวน 590  หน่วย (12.4%) ทั้งนี้ มูลค่ารวมโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ใน ก.พ. 53 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,748 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 15 จากเดือนก่อนหน้า แต่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยสูงกว่าเดือนก่อนหน้า เนื่องจากในเดือน ก.พ. 53 มีจำนวนหน่วยขายต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมาจำนวน 1,847 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 28

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า การเพิ่มขึ้นของโครงการก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัยในเดือน ก.พ. 53 บ่งชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 53 น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวในไตรมาสแรกของปี 53

.

ทำให้คาดว่ายอดจำหน่ายปูนซีเมนต์และเหล็กในครึ่งแรกของปี 53 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ปี 52 ที่ร้อยละ 9.6 และร้อยละ 22.9 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ สศค. คาดว่า การลงทุนภาคเอกชนในปี 53 จะขยายตัวที่ร้อยละ 8.0 ต่อปี หรือมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.0 ต่อปี ถึงร้อยละ 9.0 ต่อปี (ประมาณการ ณ ธ.ค. 52)

.
3. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนุนการส่งออกเต็มที่

นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงต่อที่ประชุมธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าสหรัฐฯ ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีมาตรการต่างๆ เพื่อเตรียมใช้ผลักดันเป้าหมายด้านการส่งออกที่ตั้งไว้ว่าจะขยายมูลค่าการส่งออกให้ได้ 2 เท่าในระยะ 5 ปีข้างหน้า โดยรวมถึงการจัดหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนการค้า ผลักดันการปฏิบัติตามข้อตกลงทางการค้า และเดินหน้าเจรจาการค้าให้ลุล่วง เพื่อช่วยสร้างงาน

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามานานนับสิบปี การสนับสนุนการส่งออกของสหรัฐฯ จึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับสมดุลของเศรษฐกิจโลก ช่วยภาวะการจ้างงานที่ยังคงอยู่ในสภาวะย่ำแย่ 

.

ซึ่งล่าสุดเดือน ก.พ. 53 สหรัฐฯ มีอัตราการว่างงานสูงถึงร้อยละ 9.7 ของแรงงานรวม และอาจช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าได้ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกหลักของสหรัฐฯ คือเครื่องจักรกล (ร้อยละ 19.2 ของมูลค่าส่งออกรวม) และเคมีภัณฑ์ (ร้อยละ 13.6 ของมูลค่าส่งออกรวม)

.

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญกับตลาดส่งออกที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะจากประเทศที่พัฒนาแล้วที่ส่งออกสินค้าที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ บรรลุเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ได้ยาก ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 53 จะเติบโตร้อยละ 1.3 - 3.3 ต่อปี ภายใต้สมมติฐานที่ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอยู่ในช่วง 32.0 - 34.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณการ ณ เดือน ธ.ค. 52)

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
.