เนื้อหาวันที่ : 2010-03-11 10:17:00 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 612 views

รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำวันที่ 11 มี.ค. 2553

1. กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25 % ต่อปี

-  ธปท.กล่าวว่า คณะกรรมการ กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25 % ต่อไป เนื่องจาก เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกยังคงมีอยู่ เช่น อัตราการว่างงานที่สูง และปัญหาหนี้ภาครัฐในบางประเทศ ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศที่อาจมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน

.

-  สศค.วิเคราะห์ว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมามีเพียงไม่กี่ประเทศที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ และเวียดนาม สำหรับประเทศไทยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนม.ค. 53 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.6 ตามกรอบเป้าหมายที่ กนง. กำหนดไว้ที่ร้อยละ 0.5-3

.

ขณะเดียวกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางทำให้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปีหลัง จากการปรับขึ้นของราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจผลักดันให้สินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้อาจต้องมีการทบทวนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง

.

2. ปัญหาการเมืองกดดันยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองท่องเที่ยวชายทะเล 4 แห่ง

-  ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  ธนาคารอาคารสงเคราะห์  เผยผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองท่องเที่ยวชายทะเล 4 แห่ง  ได้แก่  ภูเก็ต ชลบุรี เกาะสมุย  และชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี   ว่าในขณะนี้ธุรกิจกำลังประสบปัญหายอดขายที่ชะลอตัวลง  โดยเฉพาะบ้านตากอากาศสำหรับต่างชาติที่ผู้ซื้อยังคงกังวลต่อปัญหาการเมือง  ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ

.

-  สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงที่ผ่านมา  การลงทุนของภาคเอกชนที่แท้จริงในหมวดก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นโดยในไตรมาส 4 ของปี 52  ขยายตัวร้อยละ 2.0  จากที่หดตัวร้อยละ -6.3 ต่อปี ในไตรมาสก่อนหน้า 

.

นอกจากนี้  เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้าง ณ เดือน ม.ค.53  สะท้อนการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เช่น ปริมาณจำหน่ายปูนซิเมนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4  พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลรวมทั้งประเทศขยายตัวร้อยละ 36.3  ซึ่งอาจสะท้อนได้ว่า การลงทุนภาคการก่อสร้างโดยรวมดีขึ้น  แม้ว่าความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติอาจลดลง

.
3.  อเบอร์ดีนคาดตลาดหุ้นเกิดใหม่ส่อเค้าร่วงร้อยละ15 ในปีนี้

-  อเบอร์ดีนประเมินว่าตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มหดตัวลงร้อยละ 15 ในปีนี้ เนื่องจากผลประกอบการของภาคเอกชนออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง พร้อมปรับลดน้ำหนักการลงทุนของตลาดหุ้นจีนลง เพราะกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลนำมาใช้อาจนำไปสู่วิกฤตการณ์ในภาคการธนาคาร  แต่ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเม็กซิโก อินเดีย และตุรกี  

.

-  สศค.วิเคราะห์ว่า ดัชนี MSCI Emerging Market ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ 22 ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤติในปี 52 มาได้เป็นอย่างดี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 80 จากจุดต่ำสุดในเดือนมี.ค.52 โดยมีสาเหตุหลักหลักมาจาก กลุ่มตลาดเกิดใหม่เอเชีย และลาตินอเมริกาปรับตัวขึ้นมากเทียบกับดัชนี MSCI AC World สำหรับทุกประเทศที่ปรับขึ้นแค่ร้อยละ 35 ในช่วงเดียวกัน

.

ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ในปี 53 จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน ที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาดี เห็นได้จากมูลค่าการส่งออกเดือน ก.พ. ที่ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 45.7 ต่อปี นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 ปี ทำให้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นตลาดเกิดใหม่อาจสามารถปรับตัวดีขึ้น