เนื้อหาวันที่ : 2010-03-11 09:01:36 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 574 views

ธพ. ระบุไทยต้องนำเข้าแอลพีจีมากสุดเป็นประวัติการณ์ เม.ย. นี้

อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ระบุ ไทยจำเป็นต้องนำเข้าแอลพีจีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้จำนวน 150,000 ตัน หลังโรงแยกก๊าซธรรมชาติทยอยปิดซ่อมบำรุง 

.

นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า ระหว่างช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ ประเทศไทยมีแนวโน้มต้องนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี)เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 150,000 ตัน

.

สาเหตุจากปัญหาการปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดยโรงแยกก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)ที่จะปิดซ่อมบำรุง ได้แก่ โรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 1 ปิดซ่อม ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม - 11 มิถุนายน ที่มีกำลังการผลิตแอลพีจี 46,000 ตัน ,

.

โรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 2 ปิดซ่อมระหว่างวันที่ 6-10 พฤษภาคม ที่มีกำลังการผลิตแอลพีจี 15,000 ตันต่อเดือน และโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 3 ปิดซ่อมระหว่างวันที่ 19-28 เมษายน ที่มีกำลังการผลิต 45,000 ตันต่อเดือน สำหรับยอดนำเข้าแอลพีจีในเดือนมีนาคมนี้มีการนำเข้า 110,000 ตัน

.

สาเหตุโรงแยกก๊าซฯที่ 2 เลื่อนการปิดซ่อมบำรุงจาก 25 กุมภาพันธ์ - 9 มีนาคม เป็นวันที่ 14 - 27 กรกฎาคมแทน ช่วยให้แอลพีจียังคงอยู่ในระบบตามปกติที่ 15,000 ตัน ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไปยอดนำเข้าแอลพีจีของไทยจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 154,000 ตันต่อเดือน เนื่องจากปริมาณการใช้ในภาคปิโตรเคมีในภาคอุตสาหกรรมจะสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

.

อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันประชาชนเริ่มให้ความสำคัญและใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(เอ็นจีวี)เพิ่มมากขึ้น ดูจากสถิติการใช้เอ็นจีวีช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า มียอดการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.8 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมที่ผ่านมาในสัดส่วนร้อยละ 11 

.
ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์, เว็บไซต์รัฐบาลไทย