ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวจากภาวะล่มสลายทางการเงินครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบและสถาบันการเงินต่างหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่ต้องดำเนินการให้ลุล่วงเพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายกันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก และจากการที่เวทีการประชุมกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 20 ชาติ (จี20) เมื่อเดือนเมษายน 2551 ได้กำหนดให้มีการทบทวนการตรวจสอบและยกเครื่องระบบจัดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งใหญ่

จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับบริษัทต่างๆ ในภาคบริการการเงินที่จะต้องปรับปรุงระบบของตนในด้านการตรวจสอบและปรับสมดุลเพื่อบรรเทาความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่หลายองค์กรนำมาใช้ช่วยในด้านการตัดสินใจที่ซับซ้อน แต่ธุรกิจให้บริการทางการเงินบางแห่งก็ได้ปรับใช้เทคโนโลยีการค้นหาและจัดเก็บข้อมูลที่มีศักยภาพ

นาย เจอริท แฟรนเซน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริการทางการเงิน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (FSI, APAC) บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้อธิบายถึงวิธีที่โซลูชันจัดเก็บข้อมูลซึ่งได้รับการปรับใช้อย่างเหมาะสม สามารถช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของภาคส่วนธุรกิจบริการทางการเงินได้อย่างสมเหตุสมผลและทันท่วงที

 หนึ่งในปัจจัยหลักของวิกฤติการเงินปี 2550 คือ การที่บรรดาสถาบันการเงินในสหรัฐดำเนินการอย่างเชื่องช้าในการนำกรอบข้อบังคับของ Basel II เข้าไปใช้ การมีเงินสดอยู่ในมืออย่างล้นเหลือ ทำให้เหล่าวาณิชธนกิจและผู้ปล่อยกู้สำหรับสินทรัพย์จดจำนองดำเนินการปล่อยกู้อย่างมีความเสี่ยงเพื่อจัดหาสินเชื่อบ้านให้กับบุคคลผู้มีรายได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยแบบพิเศษ สินเชื่อซับไพร์มเหล่านี้   

ซึ่งเป็นการปล่อยกู้แบบผ่อนคลายอย่างมาก มักจะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับโครงการพัฒนาใหม่ๆ ย่านชานเมือง ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ และไม่มีบทลงโทษด้านเงินทุนเข้ามาใช้กับผู้ปล่อยสินเชื่อบ้านในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มีการนำกฎ Basel II สำหรับการประเมินปัจจัยเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อบ้านรูปแบบข้างต้นเข้ามาใช้นั่นเอง 

ความเสี่ยงที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ผู้กู้สินเชื่อซับไพร์มเหล่านี้ได้รับแรงกดดันให้ต้องทำประกันสินเชื่อเพื่อปกป้องสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้ ประกันสินเชื่อดังกล่าวทำให้เจ้าหนี้สามารถรวบรวมและแปลงสินเชื่อเหล่านี้ให้เป็นสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (เอ็มบีเอส) เพื่อนำไปค้าขายในตลาดประกันแบบมีพันธะ (ซีเอ็มโอ)        

โดยตามทฤษฎีแล้ว การค้ำประกันสินเชื่อจดจำนอง ซึ่งส่วนใหญ่บริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) เป็นผู้ค้ำกระทำขึ้นเพื่อกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ และเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่พากันให้อันดับ AAA แก่สินเชื่อเหล่านี้ 

การให้อันดับดังกล่าว ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เพราะกฎการดำรงเงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของ Basel II เปิดทางให้หลักทรัพย์อันดับ AAA สามารถถือครองได้ในฐานะเงินลงทุนที่มีอายุจำกัดและต้องมีภาระดอกเบี้ยตามมา (Tier 2) ซึ่งธนาคารข้ามชาติจำนวนมาก ทั้งธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อย และวาณิชธนกิจ ก็ดำเนินการรูปแบบนี้

นั่นคือ ซื้อสินทรัพย์ซีเอ็มโอ อันดับ AAA ของสหรัฐเพื่อหนุนฐานเงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของตัวเอง การเคลื่อนไหวที่ทำให้สถาบันการเงินเหล่านี้ยิ่งถลำลึกเข้าไปในสิ่งที่กลายมาเป็นความยุ่งยากทางการเงิน

การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ในช่วงใกล้สิ้นสุดของยุคเฟื่องฟู บรรดาครอบครัวรายได้ต่ำที่โชคไม่ดีซึ่งกำลังแบกรับภาระสินเชื่อซับไพร์มอยู่พบว่า ตัวเองกำลังติดอยู่กับตัวเลขหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยนได้ของคนกลุ่มนี้โดนปรับไปอยู่ในมาตรฐานดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ตรงข้ามกับราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ดิ่งลงอย่างหนัก ผลจากการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อจดจำนองในละแวกบ้าน ตามด้วยการไล่ขายแบบลดสะบั้นหั่นแหลก

สถานการณ์ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อทั้งอุตสาหกรรม โดยการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อจดจำนอง เริ่มส่งผลกระทบมากขึ้นต่อโครงการพัฒนาที่ดินรายใหม่ๆ และต่อธนาคารที่ถือครองเอ็มบีเอส อันดับ AAA ที่มีมูลค่าร่วงลงอย่างรวดเร็ว เพราะไม่สามารถชี้เจาะจงได้ว่าซีเอ็มโอ (ซึ่งประกอบไปด้วยเอ็มบีเอส และสินเชื่อจดจำนองจำนวนมาก) ตัวไหนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการปรับลดมูลค่า

นอกจากนี้ การผิดนัดชำระหนี้ก็อยู่ในปริมาณที่ทุนสำรองของเอไอจี ไม่สามารถรองรับ หรือจ่ายค่าประกันให้กับหนี้ที่ผิดนัดชำระได้ จนต้องอาศัยเงินทุนอัดฉีดจำนวนมหาศาลจากรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือบริษัท และบรรเทาความเสี่ยงจากการล้มละลายในทางปฏิบัติของบริษัท ไม่ให้กระทบไปทั้งอุตสาหกรรม

การไร้ความสามารถทั้งการบ่งชี้ และการประเมินความเสี่ยงของธนาคาร ที่มีต่อ "สินทรัพย์เน่า" ทำให้การปล่อยกู้ข้ามธนาคารโดนรีดออกไปจนหมด และตลาดทั่วโลกเกิดภาวะตึงตัวด้านสภาพคล่อง ซึ่งตลาดเหล่านี้เป็นสถานที่ที่ผู้ปล่อยกู้ ซึ่งถือซีเอ็มโอ อันดับ AAA ในฐานะเงินลงทุนที่มีอายุจำกัดและต้องมีภาระดอกเบี้ยตามมา

ต้องการหาเงินทุนที่หาได้ยากในขณะนี้ เข้ามาชดเชยกับมูลค่าสินทรัพย์ประเภทนี้ และประเภทอื่นๆ ซึ่งร่วงลงอย่างหนัก อุตสาหกรรมธนาคารต้องตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก กดดันให้รัฐบาลหลายประเทศต้องเข้ามาช่วยเหลือ

ปัญหาสำคัญที่สุดสำหรับธนาคารทั้งหมดที่ถือครองซีเอ็มโอ อันดับ AAA คือการที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าซีเอ็มโอใดมีเอ็มบีเอสที่รวมโครงการพัฒนาย่านชานเมืองแห่งใหม่ที่เสี่ยงจะมีมูลค่าสินทรัพย์ลดลงและผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย    

เมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยและปริมาณการทำข้อตกลงแล้ว จะเห็นว่าไม่มีเวลามากพอที่จะจัดทำคลังข้อมูลเฉพาะด้านด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและการวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อระบุได้อย่างรวดเร็วว่าซีเอ็มโอรายใดที่มีหนี้เสียเหล่านี้รวมอยู่ด้วย

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมได้ปรับใช้โซลูชั่นที่มีอยู่แล้ว เช่น Hitachi Data Discovery Suite เพื่อช่วยในการค้นหาเฉพาะภายในข้อมูลที่จัดเก็บหรือข้อมูลที่แยกเก็บถาวรไว้เพื่อให้ได้เอกสารที่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงที่ต้องการ ในกรณีนี้จะมีการค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับซีเอ็มโอเพื่อตรวจหาสินทรัพย์ต้องสงสัยว่าจะ "มีปัญหา" โดยใช้พื้นที่และหรือรหัสไปรษณีย์ เป็นเกณฑ์ในการค้นหา

สำหรับทางเลือกอื่นคือการสร้างสภาพแวดล้อมการจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง ซึ่งประกอบด้วยหน่วยจัดเก็บข้อมูลอื่นๆ ของผู้จำหน่าย เช่น อีเอ็มซี เน็ตแอพ หรือไอบีเอ็ม โดยใช้ความสามารถของเทคโนโลยีเสมือนจริงจากบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ นอกจากนี้ โซลูชั่นดังกล่าวยังได้ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการค้นหาของบริษัทอื่น

เช่น SAS Dataflux เพื่อให้การค้นหาเฉพาะในรูปแบบเดียวกันสามารถดำเนินการได้กับทั้งอาร์เรย์จัดเก็บข้อมูลทั้งหมด ความสามารถดังกล่าวจะช่วยให้ธนาคารได้รับข้อมูลสำคัญทันเวลาเพื่อนำไปใช้สนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างสมเหตุสมผล จะเห็นได้ว่าบรรดาธนาคารต่างๆ เริ่มที่จะเห็นประโยชน์ของโซลูชั่นดังกล่าวและเริ่มมีการนำเอาโซลูชั่นเข้ามาใช้กันอย่างแพร่หลายแล้วภายในอุตสาหกรรม

ในสภาพแวดล้อมที่เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันก็คือปริมาณทรานแซคชันที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องการความรับผิดชอบและข้อบัญญัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขยายธุรกิจและความสามารถในการทำกำไร

เทคโนโลยีระบบจัดเก็บข้อมูลที่ได้รับการปรับใช้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเนื่องจากใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงจะช่วยบรรดาซีไอโอให้สามารถจัดการกับปัญหาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของตนได้ ตลอดจนช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีเหตุมีผลและทันท่วงที